Categories
Health Care

น้ำตาเทียมvislube

รู้และเข้าใจใช้ น้ำตาเทียมvislube อย่างไรให้ถูกต้อง

สำหรับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์คงจะคุ้นเคยกันดีกับ น้ำตาเทียมvislube เพราะเรียกได้ว่าเป็นตัวช่วยติดกระเป๋าของทุกคน ส่วนผู้ที่ไม่ได้ใส่คอนแทคเลนส์ อาจจะเคยพบและเคยได้ยินกับชื่อน้ำตาเทียมกันมาบ้าง แต่คงจะไม่เข้าใจลึกซึ้งว่าสรรพคุณที่แท้จริงใช้หยอดตาเพื่ออะไร ซึ่งในบทความนี้เราจะมาเล่าให้ทุกท่านฟังว่า แท้ที่จริงแล้วน้ำตาเทียมมีประโยชน์ทั้งในผู้ที่มีปัญหาทางสายตา และผู้ที่มีสายตาปกติดี เราไปติดตามกันได้เลย

น้ำตาเทียม คืออะไร และมีกี่ประเภท

น้ำตาเทียม (Artificial Tears) คือ น้ำยาที่มีคุณสมบัติที่ใกล้เคียงกับน้ำตาตามธรรมชาติของมนุษย์เรา มีจุดประสงค์เพื่อช่วยเพิ่มความหล่อลื่นให้แก่ลูกตา ช่วยบรรเทาอาการแสบตา ระคายเคืองตา หรือรู้สึกไม่สบายตา ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจาก ตาแห้ง เนื่องจากต้องอยู่ท่ามกลางมลภาวะ หรือนั่งทำงานอยู่ในห้องแอร์นาน ๆ ดังนั้นจึงไขข้อสงสัยได้ประการแรกว่า น้ำตาเทียมเหมาะสำหรับผู้ที่มีสายตาปกติดี และผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ 

ท่านสามารถหาซื้อน้ำตาเทียมได้จากร้านขายยา โดยที่ไม่ต้องมีใบสั่งแพทย์ แต่การได้ปรึกษาแพทย์ก่อนไปซื้อยาใช้เอง จะเป็นวิธีที่ปลอดภัยต่อดวงตาท่านที่สุด โดยน้ำตาเทียมในปัจจุบันที่วางขายอยู่ตามร้านขายยาทั่วประเทศ จะแบ่งเป็น 3 ประเภทด้วยกัน 

1. รูปแบบกระเปาะเล็ก ๆ ภายในบรรจุสารละลายที่ไม่ใส่สารกันบูด

2. รูปแบบขวด ภายในบรรจุสารละลายที่ใส่สารกันบูด สามารถใช้ได้นาน 1 เดือน หลังจากเปิดใช้งานแล้ว 

3. รูปแบบรายวัน ภายในบรรจุสารละลายที่ใส่สารกันบูด มีลักษณะเป็นกระเปาะเล็กที่ต้องใช้ให้หมดภายใน 1 วัน หลังจากเปิดใช้ 

มาถึงตรงนี้หลายคนคงจะอยากรู้แล้วว่าสารละลายที่กล่าวถึงนี้คือสารอะไร โดยส่วนประกอบของ น้ำตาเทียมvislube มีองค์ประกอบหลักคือสารละลายและเจลที่ให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา ช่วยหล่อลื่นดวงตาได้ดี เช่น โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate), คาร์บอกซิเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethyl Cellulose), โพลิไวนิลแอลกอฮอล์ (Polyvinyl Alcohol) และไฮโปรเมลโลส (Hypromellose) เป็นต้น

ใช้น้ำตาเทียมvislube ควรปฏิบัติตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างระมัดระวัง 

จริงอยู่ว่า น้ำตาเทียม vislube สามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ก่อนตัดสินใจซื้อควรปรึกษาเภสัชกรถึงข้อแนะนำ และข้อควรระวังให้เข้าใจก่อนใช้ยา ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะมีหลักการดังต่อไปนี้

1. สำหรับผู้ที่มีประวัติอาการแพ้จากการใช้น้ำตาเทียม ให้หลีกเลี่ยงการซื้อยามาใช้เอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ทุกครั้ง

2. น้ำตาเทียมใช้สำหรับบรรเทาอาการระคายเคืองดวงตา และบรรเทาอาการตาแห้งเท่านั้น ไม่มีฤทธิ์ทางยาในการรักษาโรคที่เกิดจากดวงตา หรืออาการติดเชื้อที่ตาได้ ต้องพบแพทย์เพื่อรับการักษาเท่านั้น

3. หลังการใช้น้ำตาเทียม หากพบว่ามีอาการระคายเคือง ให้หยุดใช้ยาทันที และไปพบแพทย์เพื่อรับคำวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริง

4. สำหรับผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ ควรถอดออกก่อนการใช้น้ำตาเทียม และควรทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาที ก่อนจะใส่คอนแทคเลนส์อีกครั้ง และควรเลือกน้ำตาเทียมที่ผลิตขึ้นมาสำหรับใช้กับคอนแทคเลนส์เท่านั้น เพราะจะส่งผลต่อกระจกตาน้อยกว่าการใช้น้ำตาเทียมแบบทั่วไป

5. หากท่านมีความจำเป็นต้องหยอดตาด้วยยาชนิดอื่นร่วมด้วย ควรเว้นระยะห่างการหยอดตาประมาณ 10 นาที

6. ระมัดระวังไม่ให้ปลายของหลอดน้ำตาเทียมสัมผัสกับดวงตา เปลือกตา ผิวหน้า หรือส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย เพราะมีความเสี่ยงที่จะทำให้น้ำตาเทียมปนเปื้อนเชื้อโรคอย่างเชื้อแบคทีเรียได้ ซึ่งสิ่งที่ตามมาคือการติดเชื้อเรื้อรัง

7. เมื่อพบว่าน้ำตาเทียมหมดอายุ ให้ทิ้งส่วนที่เหลือทันที ห้ามฝืนนำมาใช้งานต่อ

8. การเก็บรักษาน้ำตาเทียมควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง หรือที่ประมาณ 15-30 องศาเซลเซียส และห้ามนำไปแช่แข็งโดยเด็ดขาด

9. สตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ยาใด ๆ ทุกชนิด และถึงแม้ว่าน้ำตาเทียมจะยังไม่มีรายงานว่าเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หรือแม้แต่สตรีให้นมบุตร แต่การระมัดระวังไว้ก่อนย่อมส่งผลดีเสมอ

จบไปแล้วสำหรับการใช้ น้ำตาเทียมvislube อย่างรู้เท่าทันและปลอดภัย สรุปกันอีกสักครั้งว่าน้ำตาเทียมสามารถใช้ได้ทั้งผู้ที่มีสายตาปกติ และผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ สิ่งที่แตกต่างกันจะอยู่ที่ผู้ที่สวมใส่คอนแทคเลนส์ควรเลือกน้ำตาเทียมที่ผลิตขึ้นมาเพื่อคอนแทคเลนส์เท่านั้น เพื่อเป็นการถนอมกระจกตา และยืดอายุการใช้งานของคอนแทคเลนส์

น้ำตาเทียมvislube

Categories
Health Care

ยูนิเรนสเปรย์

ยูนิเรนสเปรย์ สเปรย์บรรเทาปวดพกพา ใช้ง่าย ไม่ต้องนวด!

uniren spray เป็นสเปรย์แบบพกพาสำหรับใช้ภายนอกที่ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดคอ บ่า ไหล่ เอว หลัง หรืออื่น ๆ เนื่องจากอาการปวดนั้นเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่ยกของหนักหรือใช้ร่างกายเยอะ รวมถึงการอยู่ในท่าเดิม ๆ เป็นเวลานาน เช่น พนักงานยกของ พนักงานออฟฟิศ วันนี้เราจึงมี ยูนิเรนสเปรย์ ตัวช่วยดี ๆ มาแนะนำให้รู้จักกัน เป็นสเปรย์บรรเทาปวดแบบฉีดพ่นที่ใช้งานง่าย พกติดตัวได้

คุณสมบัติของ uniren spray ช่วยบรรเทาอาการอะไรได้บ้าง?

· ช่วยบรรเทาอาการปวดของกล้ามเนื้อและอาการปวดเฉพาะที่ uniren spray เป็นสเปรย์ที่ช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อบริเวณต่าง ๆ เยื่อยึดเอ็น รวมถึงผู้ที่เป็นโรคเนื้อเยื่ออ่อนและรูมาติกเฉพาะที่ด้วย 

· ช่วยบรรเทาอาการปวดตามข้อ เช่น ข้อต่อกระดูก

· ช่วยยับยั้งและลดการอักเสบตามข้อ เช่น ภาวะเนื้อเยื่อรอบข้ออักเสบ อาการข้อเสื่อม หรือผู้ที่เป็นโรคข้ออักเสบ Osteoarthrosis, Periarthropathy

ยูนิเรนสเปรย์ ช่วยบรรเทาปวดได้อย่างไร มีการทำงานอย่างไร?

ยูนิเรนสเปรย์ จะออกฤทธิ์ทันทีที่ฉีดพ่น โดยจะมี Menthol ที่ทำให้รู้สึกเย็นหลังฉีดคล้ายกับการประคบเย็น จึงสามารถช่วยลดอาการบวมแดงจากการปวดลงได้ ความเย็นจะค่อย ๆ ลดลงและอาการปวดก็จะค่อย ๆ ทุเลาขึ้น จากนั้นตัวยา diclofenac sodium 1% w/w จะดูดซึมเข้าสู่ผิวเพื่อเข้าไปทำหน้าที่ยับยั้งสารอักเสบเพื่อช่วยลดการอักเสบที่บริเวณกล้ามเนื้อชั้นลึก ข้อต่อและเอ็น เพื่อไม่ให้เกิดอาการบวมแดงและช่วยให้อาการปวดหรืออาการอักเสบดีขึ้น ยาเป็นกลิ่น Menthol ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ กลิ่นไม่แรงจนเกินไป สามารถใช้นอกสถานที่ได้ 

uniren spray ใช้อย่างไร ใช้ได้นานไหม?

uniren spray ออกแบบมาเป็นขวดสเปรย์ขนาด 60 มิลลิลิตร เป็นขนาดพกพาที่ขวดออกแบบมาให้หยิบใช้งานได้สะดวก ใช้งานง่ายเพียงแค่กดพ่นตามบริเวณที่ปวด วันละ 3 – 4 ครั้ง โดยไม่ต้องนวด ไม่ต้องถู ไม่ทำให้เลอะมือ ตัวยาจะซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้เอง ยาสีขาวใสไม่ต้องกังวลว่าจะเปื้อนเสื้อผ้า ปวดบริเวณไหนก็สามารถหยิบขึ้นมาฉีดพ่นได้เลย เป็นยาพกพาที่พกติดตัวง่าย หัวสเปรย์กระจายได้ดี ฉีดพ่นเฉพาะจุดได้ ใน 1 ขวดสามารถใช้งานได้มากถึง 440 ครั้ง หรือประมาณ 2 เดือน ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละคน

จุดเด่นของยูนิเรนเสปรย์คือ เป็นสเปรย์บรรเทาอาการปวดชนิดไม่อัดแก๊ส มีความปลอดภัย ไม่เป็นอันตราย 

ข้อควรระวังในการใช้ uniren spray และผลข้างเคียง

· เป็นยาใช้ภายนอกเท่านั้น ไม่ควรนำยา uniren spray มาใช้สำหรับภายใน เช่น ปาก จมูก ดวงตา เพราะจะทำให้เกิดอันตรายได้ ควรฉีดพ่นแค่บริเวณภายนอกเท่านั้น

· ไม่ควรใช้กับแผลสดหรือแผลเปิด เพราะจะทำให้เกิดการแพ้หรือการระคายเคืองได้ 

· ระวังไม่ให้ยาเข้าตาหรือถูกเยื่อเมือกของร่างกาย หากยาเปื้อนมือไม่ควรนำมือไปสัมผัสดวงตาหรือเยื่อเมือกของร่างกาย

· ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาเหล่านี้ไม่ควรใช้ ได้แก่ตัวยา Diclofenac , Acetylsalicylic Acid, Nonsteroidal Anti-Inflammatory Drugs

· ผู้ที่มีอาการหอบหืด ลมพิษไม่ควรใช้

· ผู้ที่มีอาการโพรงจมูกอักเสบเฉียบพลันจากการแพ้ยาแอสไพริน หรือยากลุ่มต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตอรอยด์ ห้ามใช้

· สตรีมีครรภ์ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยา

· หากพบอาการผิดปกติทางผิวหนัง ควรหยุดใช้ยา หากใช้แล้วพบว่ามีผื่นแดงขึ้น ร้อนหรือคัน มีอาการบวมแดงหรือระคายเคือง ควรหยุดใช้ยา

· ควรระวังอาการข้างเคียงทาง Systemic หรือโรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) ที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดพ่นยาบริเวณกว้างในปริมาณที่มากเกินไป

uniren spray เป็นสเปรย์บรรเทาปวดแบบพกพาที่ใครก็สามารถใช้ได้และผู้ที่ชอบความสะดวก เนื่องจากยาบรรเทาปวดส่วนมากจะเป็นชนิดทา ทำให้ใช้งานนอกบ้านไม่สะดวก ทำให้มือเลอะ เสื้อผ้าเลอะจากสีของตัวยา และต้องล้างมือ การผลิตตัวยาออกมาในรูปแบบสเปรย์จึงตอบโจทย์การใช้งานของคนสมัยใหม่ได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศหรือคนทั่วไปที่มีอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย เมื่อต้องการใช้ตอนไหนก็หยิบออกมาฉีดพ่นและทำกิจวัตรประจำวันต่าง ๆ ต่อได้ ยาจะซึมแห้งเข้าสู่ผิวได้เอง สำหรับใครที่สนใจสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป หรือจะสั่งซื้อออนไลน์ก็ได้เช่นกัน 

ยูนิเรนสเปรย์

 

Categories
Uncategorized

Neurobion

Neurobion วิตามินบีบำรุงร่างกาย กับความรู้เกี่ยวกับวิตามิน

Neurobion คือ วิตามินบี1 บี6 และบี12 ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งกระแสความนิยมรับประทานวิตามินได้เข้ามาสู่สังคมไทยนานแล้ว แต่หลายคนก็ยังไม่ทราบว่าเหตุใดร่างกายของเราจึงต้องการวิตามิน และวิตามินบีช่วยบำรุงร่างกายในด้านใดได้บ้าง ในบทความนี้จึงขอพาทุกท่านไปเจาะลึกเรื่องวิตามินบีไปด้วยกัน เพื่อให้ทุกท่านได้ทราบถึงวิธีการรับประทานที่ถูกต้อง รวมไปถึงประโยชน์ที่ท่านจะได้รับจากการรับประทานวิตามิน 

รู้จักกับ นิวโรเบียน ตัวช่วยเสริมสุขภาพ บำรุงระบบประสาท 

Neurobion หรือที่เราเรียกว่าวิตามินบีรวม โดยใน 1 เม็ดจะประกอบไปด้วยวิตามินบี1 บี6 และบี12 ซึ่งโดยทั่วไปแล้วร่างกายของเราจะได้รับวิตามินจากอาหารที่รับประทานเป็นประจำอยู่แล้ว แต่การใช้ชีวิตประจำวันในบางครั้ง อาหารที่รับประทานก็มีสารอาหารไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย บวกกับความเร่งรีบในการใช้ชีวิต จึงมีความเสี่ยงเป็นอย่างมากที่ร่างกายจะขาดวิตามิน ผลิตภัณฑ์วิตามินจึงเปรียบดังอาหารเสริมของร่างกาย เพื่อให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ และไม่ส่งผลเสียด้านสุขภาพ

วิตามินบีมีหน้าที่ช่วยบำรุงระบบประสาท และบำรุงร่างกาย โดยเป็นวิตามินที่จัดอยู่ในประเภทละลายน้ำได้ดี ซึ่งหมายความว่า การรับประทานวิตามินบีจะสลายไปกับน้ำในร่างกายและดูดซึมไปใช้งานได้ทันที ส่วนที่ไม่ได้ใช้งานจะไม่ตกค้างอยู่ในร่างกาย แต่จะโดนขับออกมาทางปัสสาวะ วิตามินบีจึงถือว่ามีความปลอดภัย และไม่ต้องระมัดระวังมากในการรับประทาน แต่ด้วยความที่เป็นวิตามินที่ร่างกายจะขับส่วนที่เหลือออกมาทางปัสสาวะ จึงทำให้เราต้องรับประทานวิตามินบีเป็นประจำ

และโดยทั่วไปผลิตภัณฑ์วิตามินบีรวม จะมีส่วนผสมของวิตามินบีตั้งแต่ 3 ชนิดขึ้นไปต่อ 1 เม็ด เราจึงควรมาทำความรู้จักกับวิตามิน บี1 บี6 และบี12 ไปพร้อมกัน ซึ่งทั้ง 3 ชนิดนี้เรียกได้ว่าเป็นตัวเด่นของวิตามินบีทั้งหมดเลยทีเดียว

1. วิตามินบี 1 

มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าไธอามีน (Thiamine) ทำหน้าที่จัดการระบบการสร้างพลังงานจากสารอาหารที่เรารับประทานเข้าไป อีกทั้งยังบำรุงระบบประสาทและสมองให้ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งในอาหารเราจะพบวิตามินชนิดนี้ได้ในข้างกล้อง นมถั่วเหลือง จมูกข้าวสาลี เมล็ดทานตะวัน ถั่ว และงา

2. วิตามินบี 6

มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าไพริดอกซีน (Pyridoxine) มีหน้าที่สำคัญในการช่วยระบบเมตาบอลิซึมในร่างกาย ช่วยให้กระบวนการผลิตเม็ดแดงมีประสิทธิภาพ อีกทั้งยังช่วยบำรุงและกระตุ้นสารสื่อประสาท ปรับอารมณ์ให้มีความสมดุล โดยในอาหารเราจะพบวิตามินชนิดนี้ได้ในเครื่องในสัตว์ อกไก่ ถั่วลูกไก่ กล้วย และมันฝรั่ง

3. วิตามินบี 12

มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่าโคบาลามีน (Cobalamin) มีหน้าที่ช่วยบำรุงร่างกายโดยรวม เช่น ภาวะเลือดจาก โรคสมองเสื่อม ความผิดปกติในขณะตั้งครรภ์ และความผิดปกติทางอารมณ์ โดยในอาหารเราจะพบวิตามินชนิดนี้ได้ในเนื้อสัตว์ ตับ ปลา ไข่ โยเกิร์ต และชีส

รับประทาน neurobion อย่างไรให้ปลอดภัยต่อร่างกาย

การรับประทาน นิวโรเบียน ให้ปลอดภัย และมีประโยชน์ต่อร่างกาย คุณสามารถหาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่ถ้าคุณคือกลุ่มเสี่ยงที่มีโรคประจำตัว กำลังตั้งครรภ์ วางแผนการตั้งครรภ์ และกำลังให้นมบุตร ไม่ควรหาซื้อวิตามินมารับประทานเอง ควรได้รับการจ่ายวิตามินจากแพทย์หรือเภสัชกรเท่านั้น เพราะผลิตภัณฑ์วิตามินที่วางขายทั่วไปใน บางชนิดมีส่วนผสมของตัวยาชนิดอื่นรวมอยู่ด้วย ดังนั้นการรับประทานวิตามินโดยผ่านคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกรจึงมีความปลอดภัยที่สุด

ส่วนผลข้างเคียงที่จะพบได้เป็นเรื่องปกติในขณะที่รับประทานวิตามินบี คือ ปัสสาวะจะมีสีเหลืองเข้ม ซึ่งเป็นผลมาจากร่างกายขับวิตามินส่วนที่เหลือออกมา ไม่มีอันตรายต่อร่างกาย และการรับประทานวิตามินบี ควรรับประทานในช่วงเช้า เพราะเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายสามารถดูดซึมสารอาหารได้ดี และไม่ควรรับประทานเกินที่แพทย์กำหนด เนื่องจากรับประทานวิตามินบีในปริมาณที่มากเกินไป จะส่งผลให้เกิดอาการผื่นขึ้น เวียนศีรษะ อาเจียน และตับอักเสบได้ 

อย่างไรก็ตามการรับประทานวิตามินบี นิวโรเบียน เป็นเพียงหนึ่งในหลายวิธีที่ช่วยบำรุงร่างกาย และพึงระลึกเสมอว่าวิตามินไม่ยารักษาโรค จึงไม่สามารถช่วยรักษาอาการต่าง ๆ ที่เกิดจากโรคได้ และถ้าหากคุณทราบว่ามีโรคประจำตัว การรับประทานวิตามินทุกชนิดควรอยู่ในการดูแลของแพทย์ เพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย และปราศจากอาการข้างเคียงจากการรับประทานวิตามินด้วยตัวเอง

Neurobion

Categories
Health Care

ยาแก้ไอ ขับเสมหะ

หยุดปัญหาระคายเคืองในลำคอให้ถูกหลัก ด้วย ยาแก้ไอ ขับเสมหะ

ยาแก้ไอ ขับเสมหะ ในปัจจุบันมีทั้งแบบเม็ดอม แบบน้ำ และแบบพ่นลำคอ โดยแต่ละชนิดผลิตขึ้นทั้งแบบสารสกัดจากธรรมชาติ และแบบผสมตัวยาเพื่อบรรเทาอาการ การเลือกซื้อยาแก้ไอ จึงมีตัวเลือกหลากหลายในท้องตลาด และยาแก้ไอก็นับเป็นยาสามัญประจำบ้าน ที่ทุกคนสามารถหาซื้อมาติดบ้านได้ตามร้านขายยาทั่วไป แต่เราต้องยอมรับว่าอาการไอ เจ็บคอ โดยเฉพาะมีเสมหะร่วมด้วย เป็นปัญหาที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน อีกทั้งยังทำให้ภาพลักษณ์ของเราดูไม่ดีอีกด้วย อยากทราบหรือไม่ว่าอาการไอแบบมีเสมหะเกิดขึ้นได้อย่างไร เรามีคำตอบ

แก้ปัญหาตรงจุดก่อนใช้ยาแก้ไอ ขับเสมหะ อาการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร

อาการไอเจ็บคอ มีเสมหะ เป็นอาการไอที่มีเมือกเหนียวออกมาด้วยในขณะที่ไอ โดยอาการนี้สามารถเกิดขึ้นได้ทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลไหน หรือสภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร โดยสาเหตุจากการไอสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การไอแบบธรรมดาเพราะมีสิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในลำคอ ไปจนถึงอาการไอแบบมีไข้หวัดและภูมิแพ้ร่วมด้วย ซึ่งปัจจัยสุดท้ายนี้ มักจะเกิดขึ้นพร้อมกับอาการคัดจมูก มีน้ำมูก และมีอาการอ่อนเพลีย

มาลงลึกกันอีกสักหน่อยเกี่ยวกับอาการไอ อาการนี้เป็นปฏิกิริยาทางธรรมชาติของร่างกายเรา ซึ่งจะทำการไอออกมาเพื่อกำจัดสิ่งแปลกปลอมที่เข้าไปอุดบริเวณระบบทางเดินหายใจ ซึ่งก็รวมไปถึงเสมหะด้วย และโดยทั่วไปแล้วอาการไอมักจะหายไปได้เองภายในเวลา 2-3 สัปดาห์ แต่ถ้ามีอาการที่นานกว่านี้ และมีความผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ต้องปรึกษาแพทย์ทันที โดยลักษณะของการไอ สามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท คือ

1. ไอแห้ง คือ ลักษณะการไอแบบไม่มีเสมหะ หรือไม่มีของเหลวสารคัดหลั่งอื่น ๆ ออกมาร่วมด้วยในขณะที่ไอ

2. ไอแบบมีเสมหะ คือ ลักษณะการไอแบบมีสารคัดหลั่งเป็นของเหลว หรือเป็นเมือกออกมาร่วมด้วยในขณะที่ไอ

ไอแบบมีเสมหะมีสาเหตุมาจากอะไร แก้ด้วยยาแก้ไอ ขับเสมหะ ได้หรือไม่

ยาแก้ไอ ขับเสมหะมีสรรพคุณในการบรรเทาอาการไอ ลดการระคายเคืองในลำคอ ช่วยให้ชุ่มคอ และทำให้เมือกเสมหะเหนียวอ่อนตัว และขับออกมาได้ง่าย โดยการไอแบบมีเสมหะนี้ สามารถแบ่งออกไปได้อีก 2 ประเภท คือ การไอแบบเฉียบพลัน ที่จะหายได้เองภายใน 3 สัปดาห์ กับอาการไอแบบเรื้อรัง ซึ่งจะมีอาการติดต่อกันนานกว่า 4 สัปดาห์ขึ้นไป 

ส่วนเสมหะในลำคอนี้ เป็นกระบวนการทางธรรมชาติของร่างกายอีกเช่นกัน ที่จะผลิตสารคัดหลั่งออกมาในลำคอเพื่อหล่อเลี้ยงให้ลำคอมีความชุ่มชื้น แต่การเกิดขึ้นของเสมหะ คือ ลักษณะของสารคัดหลั่งในลำคอถูกก่อกวนโดยเชื้อโรค จึงทำให้เกิดเป็นเมือกเหนียวและมีสีขุ่น สำหรับดักจับเชื้อโรคไม่ให้หลุดเข้าไปสู่ระบบทางเดินหายใจ จากนั้นร่างกายจะกระตุ้นให้เรามีอาการไอ เพื่อเป็นขับเสมหะที่ดักจับเชื้อโรคเอาไว้ให้ออกไปจากร่างกาย นอกจากนี้อาการไอแบบมีเสมหะยังเป็นอาการที่บ่งบอกถึงโรคได้ด้วย

1. โรคปอดอุดตันเรื้อรัง เป็นการอักเสบเรื้อรัง ที่เกิดขึ้นบริเวณปอดและหลอดลม ซึ่งโดยส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีทั้งภาวะหลอดลมอักเสบเรื้อรัง และอาการถุงลมโป่งพองร่วมด้วย

2. โรคปอดบวม หรือที่เราเรียกอีกชื่อว่าโรคปอดอักเสบ อาการนี้ ยาแก้ไอ ขับเสมหะ จะใช้ไม่ได้ผล เพราะเกิดจากปอดได้รับเชื้อไวรัส หรือเชื้อแบคทีเรีย จนทำให้เกิดการอักเสบบริเวณถุงลมในปอด ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างมาก หากไม่รีบพบแพทย์

3. โรคหลอดลมอักเสบ โดยส่วนใหญ่จะเกิดจากเชื้อไวรัส และมักจะเกิดขึ้นแบบเฉียบพลัน แต่จะหายไปได้เองภายในเวลาไม่เกิน 3 สัปดาห์ แต่ถ้ามีอาการที่นานกว่านั้น ให้สันนิษฐานว่าเป็นหลอดลมอักเสบแบบเรื้อรั้ง และควรไปพบแพทย์ทันที

ยาแก้ไอขับเสมหะ ผู้ปกครองไม่ควรหาซื้อให้เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 4 ปี รับประทานเอง ควรนำตัวเด็กไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยถึงสาเหตุของการเกิดอาการ และรับยาตามแพทย์สั่ง และการเลือกซื้อยาแก้ไอด้วยตัวเอง ควรพิจารณาจากลักษณะการไอของตัวเอง เพื่อการเลือกซื้อยาที่ถูกต้อง รวมไปถึงหมั่นสังเกตตัวเองว่า เมื่อรับประทานยาไปแล้วอาการดีขึ้นหรือไม่ หรือมีอาการเรื้อรัง หากพบว่ามีอาการไอแบบมีเสมหะนานกว่าสัปดาห์ ควรพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยทันที

ยาแก้ไอ ขับเสมหะ

Categories
Health Care

เตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้า

เลือก อย่างไรให้ได้ประสิทธิภาพและเหมาะกับผู้ป่วยมากที่สุด

 ถือกำเนิดนวัตกรรมใหม่ของอุตสาหกรรมงานทางการแพทย์กับ เตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้า ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เข้ามาช่วยในการอำนวยความสะดวกและปลอดภัยสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุ ที่ต้องนอนโรงพยาบาลหรือแม้แต่พักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน ช่วยทำให้สามารถดูแลผู้ป่วยได้สะดวกขึ้นและตัวผู้ป่วยเองก็จะรู้สึกสบายขึ้นอีกด้วย เตียงใช้งานง่าย ประหยัดเวลาและบ่งบอกถึงคุณภาพที่มั่นคงในการดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เตียงไฟฟ้าผู้ป่วยเป็นเตียงสำหรับรองรับผู้ป่วยที่ใช้ระบบกลไกไฟฟ้าในการทำงาน และควบคุมการเปลี่ยนแปลงตำแหน่งของเตียง ทำให้ผู้ป่วยหรือผู้ดูแลสามารถปรับหรือเปลี่ยนตำแหน่งของเตียงได้ตามความเหมาะสม โดยสามารถปรับเปลี่ยนได้หลากหลายรูปแบบ อย่างเช่น จะยกหรือลดระดับเตียงบริเวณศีรษะหรือบริเวณเท้า เพิ่มความสูงหรือลดความสูงของเตียงสามารถปรับได้ตามความเหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย เฉพาะผู้ป่วยที่จำเป็นต้องเปลี่ยนท่านอนอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการเกิดแผลกดทับในระยะยาว ผู้ป่วยนั้นไม่จำเป็นต้องเคลื่อนย้ายตัวเองออกจากเตียง นับว่าเป็นเตียงที่ช่วยให้ผู้ป่วยปรับสรีระร่างกายและหาตำแหน่งที่นอนแล้วรู้สึกสบายได้ง่ายขึ้น

การใช้งานเตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้าจะช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับผู้ป่วยว่าจะได้รับการดูแลอย่างมืออาชีพ ที่ปลอดภัยและสะดวกสบาย เตียงผู้ป่วยไฟฟ้ายังช่วยให้บุคลากรดูแลผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถตรวจสอบสถานะผู้ป่วยได้เป็นประจำ เตียงไฟฟ้านั้นจะทำให้การดูแลผู้ป่วยสะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีภาวะเจ็บป่วยเรื้อรังหรือพิการที่ต้องนอนบนเตียงตลอดเวลาหรือนานหลายชั่วโมงต่อวัน รวมทั้งผู้สูงอายุที่ไม่สามารถดูแลตัวเองได้ มีจุดเด่นที่สำคัญคือการตรวจสอบควบคุมอุณหภูมิและน้ำหนักของผู้ป่วยได้ สามารถติดตั้งระบบสั่งการผ่านอุปกรณ์ต่าง ๆได้ เช่น มีรีโมทควบคุมหรือใช้แอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟนของผู้ป่วยเพื่อควบคุมเครื่องให้สามารถดูแลจัดการผู้ป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

แนะนำการพิจารณาเลือก เตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้า เพื่อคนที่คุณรัก

การเลือกซื้อเตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้าที่คุณภาพดีและมีความน่าเชื่อถือจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากเตียงผู้ป่วยที่มีปริมาณการใช้งานสูงอาจต้องใช้เป็นเวลานาน ดังนั้นการเลือกเตียงผู้ป่วยที่มีคุณภาพดีจะช่วยให้ลดดวงจากการซ่อมบำรุงและปรับปรุงในอนาคต การเลือกซื้อเตียงไฟฟ้าผู้ป่วยไปไว้ใช้งาน ผู้ซื้อควรเลือกให้ดีมีวิธีการเลือกซื้อดังนี้

  • ขนาดของเตียง 

การเลือกขนาด ต้องเลือกให้เหมาะสมกับความจำเป็น และต้องกว้างกว่าสรีระร่างกายของตัวผู้ป่วยเล็กน้อย เพื่อที่ผู้ป่วยจะสามารถขยับร่างกายได้สะดวก โดยต้องคำนึงถึงส่วนสูงของผู้ป่วยด้วย อีกทั้งยังควรเลือกเตียงไฟฟ้าที่สามารถปรับระดับได้ และสามารถรับน้ำหนักของผู้ป่วยได้อย่างเหมาะสม

  • เลือกจากประเภท 

เตียงไฟฟ้าสำหรับผู้ป่วยนั้นมีหลายประเภท ยกตัวอย่างเช่น เตียงไฟฟ้าทั่วไป, เตียงไฟฟ้าที่มีการติดตั้งระบบเครื่องช่วยหายใจหรือเตียงไฟฟ้าสำหรับผู้ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ที่ต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิด ดังนั้นจึงต้องเลือกเตียงไฟฟ้าที่เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละประเภทตามโรคของผู้ป่วย

  • เลือกตามงบประมาณ 

เตียงไฟฟ้ามีหลายราคาตามวัตถุประสงค์การใช้งาน ซึ่งขึ้นก็อยู่กับคุณภาพของเตียงด้วย ดังนั้นผู้ซื้อจึงควรกำหนดงบประมาณ และควรพิจารณาค่าใช้จ่ายระยะยาว รวมถึงค่าบำรุงรักษาและซ่อมแซมด้วย เมื่อผู้ซื้อสั่งซื้อมาแล้ว ควรจะตรวจสอบการรับประกัน ว่าสามารถเคลมในกรณีที่เกิดความเสียหาย และมีการสนับสนุนและบริการหลังการขายหรือไม่

เตียงผู้ป่วยไฟฟ้าจะช่วยให้ผู้ป่วยได้รับการดูแลที่ดีขึ้น ช่วยให้การดูแลผู้ป่วยมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดีการเตรียมพร้อมสำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วยเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ ซึ่งหากจะดูแลผู้ป่วยอย่างเต็มประสิทธิภาพ การดูแลรักษาผู้ป่วยสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น เพราะฟังก์ชันมากมายที่สามารถปรับเปลี่ยนได้เพื่อให้เข้ากับผู้ป่วยทั้งหลาย มีระบบไฟฟ้าที่เรียกว่า “กำลังไฟฟ้า” ที่ช่วยให้ผู้ป่วยสามารถเปลี่ยนตำแหน่งต่าง ๆ ได้พร้อมกันกับส่วนของเตียงที่ปรับเอง นอกจากนี้ยังมีส่วนช่วยเหลือที่ช่วยป้องกันการตกจากเตียงในช่วงเวลาที่ผู้ป่วยขยับร่างกายอีกด้วย

สุดท้ายแล้วเตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้าเป็นตัวช่วยที่สำคัญมากในการดูแลรักษาผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ป่วยที่รักษาตัวเป็นเวลานาน ผู้ป่วยติดเตียง ดังนั้นการเลือกซื้อเตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้าที่มีคุณภาพดีจึงเป็นสิ่งที่ผู้ดูแลผู้ปวยต้องคำนึงถึง เพื่อให้มั่นใจว่าการดูแลรักษาผู้ป่วยจะดีขึ้นและมีความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น

เตียงผู้ป่วยปรับไฟฟ้า

Categories
Uncategorized

เครื่องวัด pm 2.5

รู้ทันมลพิษด้วย เครื่องวัด pm 2.5 ห่างไกลฝุ่น เพื่อสุขภาพปอดที่ดี

เครื่องวัด pm 2.5 เป็นเครื่องมือที่ช่วยให้เรารู้เท่าทันปริมาณฝุ่นพิษในอากาศ เพราะอากาศที่เราหายใจอยู่ในทุกวันนี้ไม่ใช่อากาศบริสุทธิ์ แต่ปนเปื้อนไปด้วยฝุ่นขนาดเล็ก และเชื้อโรค ซึ่งโดยปกติแล้วจมูกของเราสามารถดักจับฝุ่น และสิ่งแปลกปลอมเพื่อป้องกันการหลุดเข้าไปสู่ระบบทางเดินหายใจได้ แต่สำหรับฝุ่นอย่าง pm 2.5 การดักจับของจมูกเราไม่สามารถป้องกันได้เลย เราจึงต้องมาหาวิธีการหลีกเลี่ยง และป้องกัน เพื่อให้สุขภาพร่างกายของเราไม่โดนทำร้าย

ฝุ่น pm 2.5 เกิดขึ้นได้อย่างไร และเครื่องวัด pm 2.5 จะช่วยให้ห่างไกลได้จริงหรือ

หากให้อธิบายให้เห็นภาพง่าย ๆ ว่า ฝุ่นละออง pm 2.5 คืออะไร เราอยากให้นึกถึง “ควัน” ที่ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ ซึ่งกระบวนการป้องกันภายในโพรงจมูกของเราไม่สามารถป้องกันควันให้เข้าสู่ลำคอและระบบทางเดินหายใจได้เลย และหากกล่าวตามทฤษฎี ฝุ่น pm 2.5 คือ ฝุ่นที่มีขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือเปรียบเทียบได้กับสัดส่วน 1 ใน 25 ของเส้นผ่านศูนย์กลางของเส้นผมเรา ขนาดที่เล็กขนาดนี้เอง ที่ทำให้เส้นขนในจมูกของเราไม่สามารถดักจับได้ 

นอกจากจะมีขนาดเล็กจนเล็ดลอดกระบวนการป้องกันของร่างกายได้แล้ว ฝุ่นพีเอม 2.5 ยังได้นำเอาสารปนเปื้อนต่าง ๆ เข้าสู่ร่างกายด้วย เช่น โลหะหนัก ปรอท และสารก่อมะเร็งอื่น ๆ แล้วสาเหตุของการเกิดฝุ่นชนิดนี้ เกิดจากอะไรได้บ้าง

1. เกิดจากมนุษย์

พฤติกรรมของมนุษย์เรานี่เอง ที่เป็นสาเหตุหลักของการเกิดฝุ่นพิษ เช่น การเผาไหม้ขยะหรือพืชผลทางเกษตรกรรมในที่โล่ง กระบวนการผลิตไฟฟ้า และกระบวนการผลิตสินค้าจากภาคอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยสาเหตุเหล่านี้ก่อให้เกิดควัน ที่ปนเปื้อนไปด้วยสารเคมีมีพิษ และเมื่อชั้นบรรยากาศของเราไม่สามารถระบายควันเหล่านี้ออกไปได้ ควันพิษจึงอยู่ในอากาศที่เราใช้หายในทุก ๆ วัน 

2. เกิดจากการรวมตัวกันของก๊าซ

ก๊าซพิษในชั้นบรรยากาศ เมื่อเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก ก๊าซเหล่านี้จึงไม่เกิดการถ่ายเทไหลเวียนไปที่อื่น การรวมตัวกันและขยายวงกว้างออกไปเรื่อย ๆ จึงเกิดขึ้น เช่น ก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์, ไนโตรเจน, แคดเมียม, ปรอท และโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน เป็นต้น

จากปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ ทำให้เราต้องหาวิธีการป้องกันร่างกายจากฝุ่นพิษที่อยู่ในอากาศ โดยนอกจากหน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานแล้ว เครื่องวัด pm 2.5 ก็เป็นอีกหนึ่งอุปกรณ์ที่ควรมีติดไว้ข้างกาย เพราะจะช่วยให้เราได้ทราบว่าสถานที่นั้น ๆ ที่เรากำลังเข้าไปมีปริมาณฝุ่นพิษอยู่ที่เท่าไหร่ เพื่อให้เราได้รู้เท่าทันและหาทางหลีกเลี่ยงการเข้าสู่พื้นที่อันตรายนั้น ๆ 

ความร้ายแรงของฝุ่นที่ทำอันตรายต่อร่างกาย

ความร้ายแรงของฝุ่นพิษจนทำให้เราต้องจัดหาเครื่องวัด pm 2.5 มาเพื่อช่วยวัดปริมาณ เป็นเพราะในช่วงแรกของการปนเปื้อนเข้ามาในบรรยากาศ ร่างกายที่แข็งแรงของเราจะไม่รู้สึกถึงการโดนทำร้าย แต่เมื่อมีการสะสมในร่างกายนาน ๆ เราจึงเกิดอาการอันไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ มากมาย จากคนที่เคยแข็งแรง กลับป่วยง่ายหายช้า จากที่ไม่เคยเป็นภูมิแพ้ก็กลับเป็นขึ้นมา โดยเราสามารถแยกอาการจากฝุ่นพิษได้ดังนี้

1. มีอาการไอทั้งแบบไอแห้ง และไอแบบมีเสมหะ บางรายมีอาการคันจมูก และตามมาด้วยภูมิแพ้อากาศ

2. สำหรับผู้ที่เป็นภูมิแพ้ ฝุ่นละออง อยู่แล้ว เมื่อร่างกายสะสมฝุ่นพิษเพิ่มเข้าไปอีก จะกระตุ้นให้อาการภูมิแพ้เดิมหนักขึ้นมากกว่าเดิม และมีอาการรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 

3. เป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจแบบเรื้อรัง

4. เป็นโรคที่เกี่ยวกับหลอดเลือด และมีโอกาสที่จะเป็นหัวใจแบบเรื้อรัง

5. มีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคปอดแบบเรื้อรัง ไปจนถึงโรคมะเร็งปอด

6. เกิดผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง มีอาการปวดแสบปวดร้อน และผิวหนังเป็นแผล

7. เกิดอาการลมพิษอย่างเฉียบพลันและรุนแรง โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า และตามข้อพับต่าง ๆ 

8. เซลล์ผิวหนังเกิดความอ่อนแอ ทำให้ผิวบอบบาง แพ้ง่าย และเหี่ยวย่นง่าย

จากที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่าเราอยู่ในยุคที่ต้องป้องกันตัวเองด้วยการพกเครื่องวัด pm 2.5 และหน้ากากอนามัย เพราะความร้ายแรงของฝุ่น pm 2.5 นี้ กลายเป็นปัญหาระดับโลกที่องค์การอนามัยโลก (World Health Organization) ได้จัดอันดับให้ฝุ่นพิษนี้อยู่ในกลุ่มที่ 1 ของสารก่อมะเร็ง ซึ่งไม่เพียงก่อปัญหาด้านสุขภาพเท่านั้น แต่ยังทำลายระบบเศรษฐกิจ ที่ทำให้รัฐบาลต้องเติมเงินเข้าสู่ระบบสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นการรักษาโรคที่เกิดจากฝุ่นพิษ

เครื่องวัด pm 2.5

Categories
Uncategorized

เจลลี่ ไฟเบอร์

เจลลี่ ไฟเบอร์ ช่วยเรื่องอะไร ทานอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ?

เจลลี่ ไฟเบอร์ เป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารทางเลือกสำหรับผู้ที่ถ่ายยาก ทานผักและผลไม้น้อย หรือมีปัญหาเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหารทำให้ถ่ายไม่ออก จนทำให้มีสิ่งตกค้างในร่างกาย ไฟเบอร์เป็นใยอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายและมีอยู่ในผักผลไม้หลายชนิด อาทิ บรอกโคลี คะน้า ถั่วชนิดต่าง ๆ กะหล่ำปลี ผักโขม อะโวคาโด กล้วยหอม ส้ม แอปเปิ้ล และอื่น ๆ ที่หากร่างกายได้รับในปริมาณที่เพียงพอในแต่ละวันก็จะช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น ช่วยลดการดูดซึมและช่วยให้อิ่มนานขึ้น แต่หากร่างกายขาดไฟเบอร์ก็จะทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ไม่ดี การทานอาหารเสริมไฟเบอร์จึงช่วยในการขับถ่ายได้ ส่วนจะมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง และควรเลือกทานแบบไหน ไปดูกัน

เจลลี่ ไฟเบอร์ ช่วยเรื่องอะไรได้บ้าง ทำไมถึงควรทาน?

· ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ประโยชน์หลัก ๆ ของเจลลี่ ไฟเบอร์เลยก็คือ ช่วยกระตุ้นการขับถ่าย ช่วยให้ขับถ่ายได้ง่ายขึ้น ช่วยลดปัญหาเรื่องถ่ายยาก อุจจาระแข็ง อุจจาระบาดรูทวารจนเป็นแผล เนื่องจากต้องใช้แรงเบ่งเยอะและเสี่ยงต่อการเป็นโรคริดสีดวงทวารหนัก อีกทั้งการไม่ขับถ่ายยังทำให้มีพุงด้วย

· ช่วยให้ถ่ายคล่อง ถ่ายง่าย อุจจาระนิ่มขึ้น ไม่ต้องออกแรงเบ่งเยอะ

· ช่วยปรับสมดุลของระบบขับถ่าย หากทานเป็นประจำจะช่วยให้ระบบการขับถ่ายในร่างกายดีขึ้นและช่วยปรับสมดุลระบบขับถ่ายให้ทำงานเป็นเวลา

· ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย เมื่อระบบขับถ่ายดีขึ้น ระบายของเสียในร่างกายออกได้ดีขึ้น ก็จะช่วยเสริมสร้างให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้ดีขึ้นด้วย

· ช่วยป้องกันการเกิดโรคริดสีดวงทวารและมะเร็งลำไส้ สำหรับใครที่มีปัญหาเรื่องท้องผูกนาน ๆ และต้องเบ่งอุจจาระบ่อย ๆ จะทำให้มีความเสี่ยงในการเกิดโรคริดสีดวงทวารหนักจากการเบ่งแรง ๆ และโรคมะเร็งลำไส้จากของเสียตกค้างในร่างกาย

· ช่วยบำรุงผิวพรรณ เมื่อร่างกายมีการขับถ่ายที่ดีก็จะช่วยให้ผิวพรรณดีขึ้นด้วย 

เจลลี่ไฟเบอร์ และประเภทของไฟเบอร์ที่ควรรู้

· แบบผงหรือแบบละลายน้ำ เป็นชนิดที่ใช้สำหรับชงดื่ม ทานง่าย อย่างเจลลี่ ไฟเบอร์เองก็ผลิตออกมาในรูปแบบผงสำหรับชงดื่ม หากดื่มทันทีจะเป็นรูปแบบน้ำ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีจะเปลี่ยนสภาพเป็นเนื้อเจลลี่ให้ตักทานได้ง่ายขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ทานยาก

· แบบเม็ด ทานง่าย เหมาะสำหรับคนทั่วไป

· แบบแคปซูล เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบทานแบบเม็ด โดยแบบแคปซูลจะทานง่ายกว่า

การเลือกซื้อ เจลลี่ไฟเบอร์ เลือกอย่างไรให้ดีต่อร่างกาย

· เลือกไฟเบอร์ชนิดที่ได้มาตรฐานและผ่านการตรวจสอบจากกระทรวงสาธารณสุข มีเลขที่จดแจ้งระบุเอาไว้อย่างชัดเจน 

· เลือกชนิดที่ผลิตจากสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

· ปราศจากน้ำตาลหรือมีน้ำตาลต่ำ เพราะหากมีปริมาณน้ำตาลสูงเมื่อทานบ่อย ๆ ก็อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

· ไม่มีส่วนผสมของยาระบาย ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารไฟเบอร์ที่ดีไม่ควรมีส่วนผสมของยาระบาย เพราะเมื่อทานเข้าไปแล้วสามารถส่งผลข้างเคียงต่อร่างกายได้ โดยจะทำให้มีอาการปวดท้อง ปวดบิด ถ่ายท้อง และอ่อนเพลียได้

ข้อควรระวังในการทานเจลลี่ ไฟเบอร์

· ควรมีปริมาณที่เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน เจลลี่ ไฟเบอร์ใน 1 ซองควรมีปริมาณบรรจุอยู่ที่ 25, 000 มิลลิกรัมต่อซอง เพราะเป็นปริมาณที่ร่างกายต้องการในแต่ละวัน ไม่ควรทานเกินขนาดหรือเกิน 50,000 มิลลิกรัมต่อวัน เพราะจะส่งผลข้างเคียงต่อร่างกาย 

· ไม่ควรอดอาหาร ไฟเบอร์มีส่วนช่วยในการลดไขมันและลดความอยากอาหาร คนที่ลดน้ำหนักหลายคนจึงเลือกทานเป็นอาหารเสริม แต่เพื่อการทานอย่างถูกวิธีไม่ควรอดอาหาร เพราะจะทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอ 

· คุณแม่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรไม่ควรรับประทาน 

· เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 6 ปี ห้ามรับประทาน 

· ผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐานไม่ควรทาน

การทานเจลลี่ ไฟเบอร์ให้ได้ผลดีคือ เลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน ทานในปริมาณที่เหมาะสมต่อวัน และทานตามที่ฉลากระบุ เช่น ทานก่อนนอน 15 นาทีทุกวัน เพื่อให้ไฟเบอร์ใช้เวลาการทำงานได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ขับถ่ายได้ดีขึ้นในทุกเช้า สุขภาพดีขึ้น หน้าท้องยุบลง

เจลลี่ ไฟเบอร์

Categories
Uncategorized

ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน

จุก เสียด แน่นท้อง บรรเทาอาการได้ด้วย ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน

ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน เป็นยาสามัญประจำบ้านที่ได้ความรับนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยสรรพคุณที่ช่วยบรรเทาอาการจุก เสียด แน่นท้องได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสำหรับคุณที่ต้องการทราบว่า อาการท้องเสีย จุกเสียด แน่นเฟ้อนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร และยาธาตุชนิดนี้สามารถรักษาอาการได้ระดับไหน อาการแบบใดควรไปพบแพทย์ เราได้รวบรวมข้อมูลทั้งหมดมาให้แล้วในบทความนี้ 

อาการปวดท้องเกิดขึ้นได้อย่างไร

ก่อนที่จะเลือกรับประทาน ยาธาตุน้ำขาว คุณต้องทราบและทำความเข้าใจก่อนว่า อาการผิดปกติภายในช่องท้อง ที่เราเรียกว่ามีอาการจุก เสียด แน่นเฟ้อ และอาหารไม่ย่อยนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร เพราะความเข้าใจในอาการของโรคจะช่วยให้คุณเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันได้ถูกต้อง โดยที่ไม่ต้องเสี่ยงกับอาการปวดท้องอันไม่พึงประสงค์ เราไปทำความรู้จักกันดีกว่าว่าอาการแบบใด ที่สามารถบรรเทาได้ด้วยยาธาตุ และอาการเหล่านั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร

1. อาหารไม่ย่อย

หลังรับประทานอาหารจะเกิดอาการปวดท้องช่วงบน ความรู้สึกอึดอัด จุกที่ลิ้นปี่ แน่นอน ท้องอืด และบางรายมีอาการแสบร้อนกลางทรวงอก โดยอาการเหล่านี้จะสามารถหายไปได้เอง แต่ถ้าปล่อยให้เกิดอาการบ่อย ๆ โดยที่ไม่รักษาหรือปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต จะมีโอกาสสูงมากที่จะเป็นโรคที่เกี่ยวกับระบบย่อยอาหาร 

ซึ่งการรับประทานยาธาตุน้ำขาวจะสามารถบรรเทาอาการที่เกิดจากอาหารไม่ย่อยได้ แต่การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตมีความสำคัญกว่า คุณควรเปลี่ยนมารับประทานอาหารให้ตรงเวลา หลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คาเฟอีนและน้ำอัดลม รวมไปถึงควรรับประทานอาหารในปริมาณที่เหมาะสมไม่มากเกินไป และไม่ควรรับประทานอาหารเร็วเกินไป แต่ถ้าเมื่อไหร่เริ่มมีอาการเบื่ออาหาร กลืนอาหารลำบาก อาเจียนบ่อย และมีอาการอ่อนเพลียร่วมด้วย ต้องรีบปรึกษาแพทย์ทันที

2. กรดไหลย้อน

โรคที่เกิดจากความผิดปกติของหูรูดบริเวณหลอดอาหาร ทำให้กรดที่อยู่ในกระเพาะอาหารไหลย้อนผ่านขึ้นมาที่หลอดอาหาร ลำคอ และภายในช่องปากได้ โดยเราสามารถสังเกตว่าผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนส่วนใหญ่จะมีอาการฟันผุร่วมด้วย ซึ่งเป็นอาการที่เกิดขึ้นจากกรดที่ไหลขึ้นมาสู่ช่องปากนั่นเอง 

อาการของโรคนี้จะทำให้รู้สึกแสบร้อนบริเวณทรวงอก และจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ บางรายมีอาการเรอเปรี้ยว ท้องอืด และเวียนศีรษะร่วมด้วย โดยวิธีการดูแลตัวเองเบื้องต้น ผู้ป่วยสามารถรับประทานยาธาตุน้ำขาวเพื่อช่วยบรรเทาอาการแบบฉุกเฉินได้ นอกจากนี้ควรเปลี่ยนประเภทอาหารด้วยการหันมารับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ย่อยง่าย และรสจืด พร้อมทั้งปรับการนอน ด้วยการใช้หมอนหนุนช่วงคอและหลังให้สูงขึ้นกว่าช่วงท้อง เพื่อป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนขึ้นมายามหลับ

ข้อควรทราบ ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน ไม่ใช่ยาลดกรด

สำหรับคุณที่มีปัญหาเกี่ยวกับช่องท้อง และกำลังสับสนไม่แน่ใจว่าควรรับประทานยาอะไรเพื่อบรรเทาอาการ โปรดอ่านทางนี้ว่า “ยาธาตุน้ำขาว ไม่ใช่ยาลดกรด” ดังนั้นหากคุณเป็นโรคไหลย้อน ยาธาตุจะไม่ช่วยให้อาการหายไปได้ แต่จะช่วยบรรเทาให้อาการจุกเสียดต่าง ๆ ดีขึ้นได้เท่านั้น เพื่อให้คุณเลือกยาให้เหมาะกับอาการ เราไปดูข้อแตกต่างระหว่างยาธาตุและยาลดกรดพร้อมกัน

· ยาธาตุ มีฤทธิ์ในการทำลายเชื้อโรคในลำไส้ได้อ่อน ๆ เท่านั้น ไม่สามารถใช้ได้กับอาการติดเชื้อรุนแรง ส่วนประกอบของยาธาตุจะช่วยแก้อาการท้องอืด จุกเสียด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลมได้ดี และย้ำอีกทีว่ายาธาตุไม่สามารถช่วยลดกรดได้

· ยาลดกรด มีฤทธิ์ตามชื่อ คือ ช่วยลดกรดในกระเพาะอาหาร โดยที่ไม่ทำให้ความเป็นกรด-ด่างในเลือดเสียสมดุล ช่วยลดอาการปวดท้องเนื่องจากกรดเกินในกระเพาะอาหาร และเหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน ข้อสำคัญคือควรใช้ยาเพื่อบรรเทาอาการ เมื่อมีอาการเท่านั้น และไม่ควรใช้ติดต่อกันเป็นเวลานาน หากพบว่าอาการแสบในช่องท้อง หรืออาการกรดไหลย้อนไม่ดีขึ้นควรปรึกษาแพทย์ทันที 

ดังที่กล่าวมาทั้งหมดนี้สรุปได้ว่า ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน เป็นยาธาตุที่มีฤทธิ์ในการฆ่าเชื้อในลำไส้ได้อ่อน ๆ และไม่ใช่ยาลดกรดแต่อย่างใด แต่สามารถใช้บรรเทาอาการจุกเสียดเนื่องจากกรดไหลย้อนแบบฉุกเฉินได้ นอกจากนี้ส่วนผสมของยายังใช้ได้ดีกับผู้ที่มีอาการจุก เสียด แน่นท้อง และปวดท้องเนื่องจากอาหารไม่ย่อย 

ยาธาตุน้ำขาวตรากระต่ายบิน

Categories
Uncategorized

ยาป้ายร้อนใน

รู้จักโรคร้อนใน และแผลเปื่อยในปากก่อนใช้ ยาป้ายร้อนใน

เป็นเรื่องสำคัญอย่างมากที่คุณต้องรู้จักโรคในช่องปาก ก่อนใช้ ยาป้ายแผลในปาก หรือ ยาป้ายร้อนใน เพราะไม่ว่ายาชนิดใด หากใช้ไม่ตรงกับโรค ก็จะมีข้อผิดพลาดที่ส่งผลกระทบต่อร่างกายตามมา ในบทความนี้เราจึงชวนทุกคนมาทำความรู้จักกกับโรคร้อนใน และโรคแผลเปื่อยในปาก ว่ามีอาการและปัจจัยการเกิดโรคอย่างไร จึงส่งผลให้ผู้ป่วยต้องเจ็บปวด รวมไปถึงวิธีดูแลรักษาอย่างถูกวิธี เพื่อให้ทุกท่านได้ใช้ยาอย่างถูกต้องและตรงกับโรค

ใช้ ยาป้ายแผลในปาก ต้องรู้จักอาการและสาเหตุของโรคแผลในปาก

โรคแผลในปาก หรือโรคร้อนใน ที่ทุกบ้านนิยมซื้อ ยาป้ายร้อนใน มาเก็บไว้ประจำบ้าน มีลักษณะเป็นแผลขนาดเล็ก มักจะเกิดขึ้นบริเวณเนื้อเยื่อภายในช่องปาก ด้านในริมฝีปาก เหงือก ด้านในของแก้ม และลิ้น ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บปวด และรับประทานอาหารลำบาก ซึ่งโดยส่วนใหญ่แผลเหล่านี้จะสามารถหายไปได้เอง แต่เรามารู้สาเหตุของโรคเพื่อการหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดทรมานนี้กันดีกว่า

1. เกิดการบาดเจ็บในช่องปาก สาเหตุนี้สามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ตั้งใจ เช่น การเผลอไปกัดปากโดยไม่ตั้งใจ, การแปรงฟันแรงเกินไป, การบาดเจ็บที่เกิดจากการเล่นกีฬา และการทำฟัน เป็นต้น

2. การใช้ผลิตภัณฑ์ในช่องปาก ยาสีฟัน และน้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสารโซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium Lauryl Sulfate) ซึ่งเป็นสารที่ช่วยทำความสะอาด ขจัดคราบไขมัน และทำให้เกิดฟอง อาจทำให้ช่องปากมีแผลเกิดขึ้นได้

3. ขาดวิตามิน โดยเฉพาะ วิตามินบี 12, กรดโฟเลต, ธาตุเหล็ก และสังกะสี เป็นต้น

4. อาหาร พฤติกรรมการรับประทานอาหาร ที่มีกรดมากเกินไป ก็สามารถทำให้เกิดแผลร้อนในได้เช่นกัน เช่น สับปะรด, ส้ม, มะนาว และอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เป็นต้น

5. มีอาการติดเชื้อ การติดเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส และเชื้อรา บางชนิดจะแสดงอาการทำให้เนื้อเยื่อในช่องปากเป็นแผลได้

6. โรคและอาการเจ็บป่วย เช่น โรคเบาหวาน, โรคเอดส์, โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง และโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน เป็นต้น

7. ฮอร์โมน โดยเฉพาะสาว ๆ ที่อยู่ในช่วงมีประจำเดือน ระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง สามารถส่งผลต่อช่องปากได้เช่นกัน โดยสาเหตุนี้สามารถใช้ ยาป้ายแผลในปาก เพื่อบรรเทาอาการได้

8. ปัจจัยเสริม เช่น ความเครียด พฤติกรรมการรับประทานอาหารเร็ว และการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเองเมื่อเกิดแผลร้อนใน นอกจากการใช้ยาป้ายร้อนใน

เมื่อเกิดแผลร้อนใน หรือแผลในปาก การใช้ ยาป้ายแผลในปาก เป็นหนึ่งวิธีที่จะช่วยบรรเทาการความเจ็บปวด และช่วยให้แผลลดการอักเสบลงได้ ซึ่งนอกเหนือจากการใช้ยาแล้ว เรายังมีวิธีดูแลตัวเอง เพื่อช่วยให้แผลหายเร็วมากขึ้นมาฝาก

1. ใช้น้ำเกลือ คุณสามารถล้างปากได้โดยการใช้น้ำเกลือ หรือเบกกิ้งโซดาผสมน้ำสำหรับการบ้วนปากได้ หรือเลือกใช้น้ำยาบ้วนปากที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ก็จะสามารถช่วยลดอาการบวมของแผล และลดความเจ็บปวดได้

2. ใช้การประคบเย็น นอกจาก ยาป้ายร้อนใน ที่ได้กล่าวไปแล้ว การประคบเย็นด้วยน้ำแข็ง หรือเจลเย็นบริเวณที่เป็นแผล สามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้

3. เปลี่ยนพฤติกรรมการรับประทานอาหาร ในระหว่างที่เป็นแผลร้อนในควรระมัดระวังเรื่องการรับประทานอาหารให้มากเป็นพิเศษ ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสเผ็ดจัด เค็มจัด และไขมัน ให้รับประทานอาหารที่อ่อนแต่มีสารอาหารครบถ้วน เช่น โจ๊กใส่ไข่ ซุปผัก และข้าวต้ม เป็นต้น รวมไปถึงงดอาหารประเภทขนมที่มีความกรุบกรอบ และเครื่องดื่มที่มีกรดอย่างน้ำอัดลม 

4. เพิ่มอาหารเสริม หากสามารถรับประทานอาหารเสริมได้ ให้เลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยกรดโฟลิค, วิตามินบี 6-12 และสังกะสี โดยควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์หรือเภสัชกร

5. เปลี่ยนผลิตภัณฑ์สำหรับช่องปาก ควรเลือกเปลี่ยนแปรงสีฟันให้มีความอ่อนนุ่มมากขึ้น และเลือกใช้ยาสีฟันที่ไม่มีฟอง หรือเลือกยาสีฟันที่ไม่มีส่วนผสมของโซเดียม ลอริล ซัลเฟต

6. ใช้สมุนไพร เป็นวิธีทางธรรมชาติที่จะช่วยบำบัดให้อาการปวดบรรเทาได้ เช่น การดื่มชาคาโมมายล์ และรากชะเอม เป็นต้น

ยาป้ายแผลในปาก จะใช้ได้ผลดีกับแผลร้อนในที่เกิดจากสาเหตุทั่วไปเท่านั้น แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสังเกตว่าแผลของคุณเริ่มขนาดวงกว้างมากขึ้น มีอาการบวมแดงเพิ่มขึ้น อีกทั้งการป้ายยาก็ไม่ช่วยให้อาการทุเลาลง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อขอรับคำวินิจฉัยและวิธีการรักษาที่ถูกต้องทันที

ยาป้ายร้อนใน

Categories
Uncategorized

สเปรย์กันแดด

ครีมกันแดด VS สเปรย์กันแดด แบบไหนเหมาะกับเรา?

ครีมกันแดด หรือ สเปรย์กันแดด แน่นอนว่าต้องเป็นไอเทมที่ใครหลายคนขาดไม่ได้ เพราะประเทศไทยแดดร้อนจัดจึงส่งผลให้เกิดผลเสียต่อผิวเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะออกไปทำงาน ทำกิจกรรม หรือแม้แต่อยู่ในบ้าน เราก็ควรใช้กันแดดเพื่อรักษาผิวของเราให้สวยใส ห่างไกลจากปัญหาต่าง ๆ ที่สามารถเกิดขึ้นกับผิวของเราได้

บางคนมีความเชื่อว่าการใช้กันแดดทำให้หน้าเหนอะหนะและรู้สึกไม่สบายผิว ถ้าหากอยู่บ้านก็เลือกที่จะไม่ใช้กันแดด เพราะไม่ได้ออกไปข้างนอก เลยคิดว่าไม่เจอแสงแดด แต่นั่นนับว่าเป็นความเชื่อที่ผิดมาก ๆ เราควรใช้กันแดดไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม เพราะแสงแดดและ UV สามารถเล็ดลอดเข้ามาในบ้านของเราได้ อีกทั้งยังมีแสงอันตรายจากหน้าจอมือถือ โทรทัศน์ และแสงไฟด้วย

ทำไมต้องใช้ครีมหรือสเปรย์เพื่อกันแดด?

‘แสงแดด’ เป็นอันตรายต่อผิวของเรามากกว่าที่คิด เพราะแสงแดดนั้นสามารถทำให้ใบหน้าของเราเกิดฝ้า กระ และจุดด่างดำต่าง ๆ อีกทั้งยังสามารถก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้อีกด้วย หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมตนเองถึงมีริ้วรอยหรือรู้สึกว่าหน้าตัวเองแก่ก่อนวัยอันควร ให้ลองนึกย้อนว่าที่ผ่านมาเราละเลยการดูแลผิวหน้าของเราหรือไม่? เราได้ใช้กันแดดเป็นประจำทุกวันหรือไม่? ถ้าหากไม่ได้ใช้ครีมกันแดดหรือสเปรย์กันแดดทุกวันก็ให้สันนิษฐานไว้เลยว่า แสงแดดทำร้ายผิวของเราแน่นอน ซึ่งการใช้กันแดดจะมีประโยชน์ต่อผิวของเรา ดังนี้

1. ช่วยให้ผิวแก่ช้าลง การใช้กันแดดมีส่วนช่วยโดยตรงในเรื่องการรักษาคอลลาเจนที่อยู่ใต้ชั้นผิว ทำให้ผิวของเรามีความนุ่มเด้งและชุ่มชื้นอยู่เสมอ ลดปัญหาผิวที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกมากมาย อีกทั้งยังช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ และผลเสียทางร่างกายอื่น ๆ ที่จะเกิดกับเราด้วย 

2. ป้องกัน UV การใช้ครีมหรือสเปรย์ที่ช่วยกันแดดสามารถปกป้องผิวสวยของเราจากรังสีอัลตราไวโอเลตหรือแสงยูวีได้ ซึ่งแสงยูวีนับว่าเป็นตัวร้ายที่ทำร้ายผิวของเราอย่างรุนแรง ตั้งแต่การทำลายคอลลาเจนใต้ชั้นผิวของเรา ก่อให้เกิดจุดด่างดำตามใบหน้า อีกทั้งอาจจะทำให้ผิวของเราไหม้จนปวดแสบปวดร้อนได้เลย

3. ห่างไกลจากมะเร็งผิวหนัง แสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดอนุมูลอิสระได้ อีกทั้งในบางกรณีรังสียูวีก็สามารถทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้ด้วย จึงควรใช้กันแดดทุกวันเพื่อป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับชีวิตของเรา

ครีมกันแดด VS สเปรย์กันแดด แตกต่างกันยังไง?

· ครีมกันแดด 

ครีมกันแดดจะมีให้เลือกทั้งเนื้อน้ำ เนื้อเจล และเนื้อครีม ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละบุคคล ครีมกันแดดนั้นมีส่วนช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี เพราะเนื้อครีมส่วนมากจะมีมอยส์เจอไรเซอร์ผสมอยู่ มีคุณสมบัติในการช่วยรักษาคอลลาเจนใต้ชั้นผิวของเราด้วย 

ซึ่งครีมกันแดดนั้นมีสูตรเฉพาะสำหรับแต่สภาพผิวด้วย ทั้งสำหรับผิวมัน ผิวแห้ง และผิวผสม ทำให้เราสามารถเลือกครีมกันแดดที่เข้ากับสภาพผิวของเราได้จริง ๆ นั่นก็จะช่วยลดปัญหาหน้าแห้งหรือหน้ามันได้ดีเลยทีเดียว แต่ถึงแม้ว่าครีมกันแดดส่วนมากจะซึมซาบได้ดีก็จริง อย่างไรก็ตามอาจจะมีครีมกันแดดบางตัวที่ทำให้ผู้ใช้รู้สึกเหนอะหนะหน้าได้เช่นกัน

· สเปรย์กันแบบแดด

สเปรย์ช่วยกันแดดเป็นอีกทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่พึ่งเปิดใจมาใช้กันแดด อีกทั้งเหมาะกับคนที่ไม่ชอบทากันแดดแบบครีมด้วย เพราะว่าสเปรย์จะไม่ทำให้เรารู้สึกหนักหน้าเท่ากับแบบครีมอย่างแน่นอน โดยละอองจากสเปรย์ยังซึมซาบเข้าผิวได้ลึก ไม่เหนียวเหนอะหนะ ไม่ทำให้หน้ามัน และซึมซาบได้รวดเร็วด้วย 

ซึ่งตอนนี้สเปรย์กันแดดที่มีวางจำหน่ายในท้องตลาด ส่วนมากก็จะสามารถใช้ได้กับทุกสภาพผิว เพราะกันแดดแบบสเปรย์จะฉีดออกมาเป็นละอองที่มีน้ำหนักเบา ใช้งานง่าย สะดวก อีกทั้งเรายังสามารถฉีดเพิ่มระหว่างวันทับเครื่องสำอางได้ด้วย ถือว่าตอบโจทย์ใครหลาย ๆ คนแน่นอน

เป็นอย่างไรกันบ้างกับความแตกต่างระหว่างครีมกันแดดและสเปรย์ หวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อคนที่กำลังจะตัดสินใจซื้อกันแดดไม่มากก็น้อย ไม่ว่าจะเลือกใช้ครีมกันแดดหรือสเปรย์แบบกันแดดก็ดีทั้งนั้น แต่แค่เราต้องศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับกันแดดที่เหมาะกับผิวของเราก็พอ อีกทั้งต้องพยายามทากันแดดทุกวัน เพื่อจะได้ป้องกันแสงแดดที่จะมาทำร้ายผิวสวย ๆ ของเรา

สเปรย์กันแดด