หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ของปลอมส่งผลเสียต่อร่างกายอย่างไรบ้าง ทำไมถึงไม่ควรใช้?
แม้ในช่วงนี้ หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Medical Mask หรือ Surgical Mask) จะหาซื้อได้ง่ายขึ้นแล้วแต่ก็ยังมีหน้ากากอนามัยที่ไม่มีประสิทธิภาพหรือของปลอมวางจำหน่ายให้เห็นกันอยู่มาก ทำให้หลายคนอาจเกิดความสับสนและซื้อหน้ากากที่ไม่ได้ประสิทธิภาพมาใช้กันได้ เพื่อการป้องกันเชื้อไวรัสอย่างได้ผลเราจึงมีวิธีการสังเกตหน้ากากของแท้กับของปลอมมาบอกกัน พร้อมทั้งวิธีการเลือกซื้อให้ได้ของที่มีคุณภาพ
การสังเกตหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ของแท้ ต่างจากของปลอมอย่างไร?
· ปราศจากกลิ่นสารเคมี เริ่มสังเกตได้ง่าย ๆ จากการดม โดยหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ของแท้จะปราศจากกลิ่นสารเคมีและกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ แต่หากใส่แล้วมีกลิ่นสารเคมีอาจหมายถึงหน้ากากของปลอมได้
· ไม่เป็นฝุ่นละออง จากนั้นให้ลองสะบัดหรือใช้มือถูหน้ากากดูว่ามีฝุ่นละอองฟุ้งกระจายออกมาจากหน้ากากหรือไม่ โดยของแท้จะต้องไม่มีฝุ่นละอองฟุ้งออกมา เพราะหากมีฝุ่นฟุ้งกระจายออกมาจะส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจได้
· กันน้ำได้ กางหน้ากากออก แล้วนำน้ำเทลงบนหน้ากาก หากเป็นของแท้น้ำจะไม่สามารถไหลผ่านหน้ากากได้ เพื่อเป็นการป้องกันละอองฝอยและสารคัดหลั่งต่าง ๆ ไหลซึมเข้าสู่หน้ากาก แต่ของปลอมน้ำจะสามารถไหลผ่านได้
· มีแผ่นกรองด้านใน เพื่อความมั่นใจอีกขั้นควรใช้กรรไกรหน้ากากเพื่อดูด้านในว่ามีแผ่นกรองเชื้อโรคหรือไม่ โดยลักษณะของแผ่นกรองจะเป็นแผ่นสีขาว ค่อนข้างหนา ส่วนของปลอมจะมีลักษณะสีขาว ไม่หนา และบาง ผลิตจากเส้นใยสังเคราะห์ของพอลิโพรพีลีน (Polypropylene) หรือเรียกว่าผ้าสปันบอนด์ เป็นไมโครพลาสติกชนิดหนึ่งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย เนื่องจากมีผิวที่ยุ่ยและก่อให้เกิดฝุ่นละอองได้ง่าย หากสูดดมเข้าไปเป็นเวลานานจะก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ การใส่หน้ากากของปลอมจึงไม่ใช่แค่เรื่องประสิทธิภาพการป้องกันเชื้อโรคที่ต่ำลงเพียงอย่างเดียวแต่ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาวด้วย
· มองทะลุผ่านไม่ได้ หน้ากากของแท้จะไม่สามารถมองทะลุผ่านได้ ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป แต่ของปลอมจะมองทะลุผ่านได้ เนื่องจากวัสดุด้านในที่บางและไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง
· ไม่มีส่วนใดชำรุด หน้ากากที่ผ่านมาตรฐานจะอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ ไม่มีส่วนใดชำรุด ขาด หรือเสียหาย เช่น สายคล้องหูดึงแล้วหลุดง่าย ไม่มีแถบโลหะหรือแถบโลหะไม่อยู่กึ่งกลางจมูก
วิธีการเลือกซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ควรดูที่อะไรบ้าง?
· เลือกซื้อหน้ากากอนามัยทางการแพทย์จากแหล่งที่น่าเชื่อถือ เช่น ร้านขายยา ห้างสรรพสินค้า หรือแหล่งจำหน่ายที่มีใบอนุญาตและน่าเชื่อถือ เพื่อให้มั่นใจว่าหน้ากากที่ได้จะเป็นของแท้ มีคุณภาพ และได้มาตรฐาน
· บรรจุภัณฑ์อยู่ในสภาพสมบูรณ์ ที่เปิดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ ไม่มีรอยแกะ ซีลปิดกล่องไม่ถูกแกะ กล่องจะต้องไม่มีส่วนใดที่ชำรุดหรือขาด
· ระบุแหล่งที่มา ตัวหนังสือชัดเจน บนบรรจุภัณฑ์ควรมีข้อมูลต่าง ๆ ระบุเอาไว้อย่างชัดเจน เช่น ชื่อแบรนด์ ประเภทสินค้า จำนวนสินค้า วันหมดอายุ แหล่งผลิตและจำหน่าย สี ฯลฯ
· สังเกตมีวันที่ผลิตและวันหมดอายุก่อนซื้อ หลายคนอาจยังไม่ทราบว่าหน้ากากอนามัยนั้นก็มีวันหมดอายุด้วยเช่นกัน โดยอายุการใช้งานทั่วไปจะอยู่ที่ประมาณ 3 ปี หากใช้หน้ากากที่หมดอายุแล้วจะทำให้ประสิทธิภาพในการป้องกันเชื้อโรคลดลง และหากใครที่อยากซื้อมาตุนไว้ใช้ยาว ๆ ก็อย่าลืมตรวจสอบวันหมดอายุให้ดี เพื่อให้ใช้ได้ทัน
· มีอย. และสามารถตรวจสอบได้ หน้ากากอนามัยที่ได้มาตรฐานจะต้องมีเครื่องหมาย อย. ระบุบนบรรจุภัณฑ์ด้วย เพราะหน้ากากอนามัยจัดเป็นเครื่องมือแพทย์ชนิดหนึ่งที่ต้องผ่านมาตรฐานตามที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนด ผู้ผลิตทุกรายจึงต้องทำการตรวจสอบคุณภาพและขอขึ้นทะเบียน อย. ก่อนวางจำหน่าย หากไม่มีเครื่องหมาย อย. ไม่ควรใช้ เพราะนั่นอาจหมายความว่าหน้ากากชนิดนั้นไม่ได้มาตรฐานนั่นเอง
หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ เป็นอุปกรณ์ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค เชื้อไวรัส แบคทีเรีย และสารคัดหลั่งจากคนสู่คนได้มากถึง 99% การเลือกใช้หน้ากากอนามัยของแท้จึงมีประสิทธิภาพการป้องกันมากกว่าของปลอม และไม่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจและร่างกายหากใช้ในระยะยาว หากใครที่ไม่มั่นใจว่าหน้ากากที่ใช้อยู่ได้มาตรฐานหรือไม่ก็สามารถตรวจสอบตามวิธีที่เรานำมาฝากกันได้ หรือใช้ร่วมกับ หน้ากากแบบเฟซชีลด์ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ของปลอมที่จะส่งผลต่อสุขภาพทั้งในระยะสั้นและในระยะยาว