Categories
Uncategorized

ชามาลี

ชามาลีเครื่องดื่มผสมสมุนไพรไทย 10 ชนิด ตัวช่วยในการลดน้ำหนัก ทางเลือกเพื่อสุขภาพ

ชามาลี ชา Mali คือเครื่องดื่มสมุนไพรไทยออร์แกนิคแบรนด์ดังที่กำลังมาแรงในขณะนี้ มีส่วนผสมจากสมุนไพรไทยมากถึง 10 ชนิด มีสรรพคุณหลายอย่าง เช่น ช่วยปรับสมดุลร่างกายควบคุมความหิวมีส่วนทำให้น้ำหนักลดลง ช่วยลดน้ำตาลในเลือดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดโรคเบาหวาน แก้ท้องผูกเรื้อรังและขับลมในกระเพาะ ช่วยบำรุงตับ หัวใจ บำรุงสมองและประสาท นอกจากนี้ยังช่วยลดอาการปวดหัวไมเกรนได้อีกด้วยเช่นกัน เนื่องจากมีส่วนผสมของสมุนไพรมากถึง 10 ชนิด จึงได้ขึ้นชื่อว่าเป็นชาออร์แกนิคที่มีสรรพคุณทางตัวยาตามชนิดของสมุนไพรดังนี้

ชามาลีกับส่วนผสมสมุนไพรไทย 10 ชนิด อุดมไปสรรพคุณทางตัวยา

1. มะขามป้อม จัดเป็นสมุนไพรที่มีสารต้านอนุมูลอิสระวิตามินซีสูงมีสรรพคุณหลายด้าน เช่น ช่วยบรรเทาอาการไอทำให้ชุ่มคอ ช่วยให้ผิวหน้าขาวสดใสรักษาฝ้าและชะลอการเกิดริ้วรอย ช่วยบำรุงประสาทและสมอง นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงโลหิตได้เป็นอย่างดี

2. ฝักมะขามแขก มะขามแขกมีสรรพคุณที่โดดเด่นในเรื่องของการช่วยขับถ่าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านท้องผูกอยู่บ่อย ๆ 

3. ส้มป่อย เป็นสมุนไพรที่มีรสเปรี้ยวมีสรรพคุณช่วยบำรุงธาตุในร่างกายช่วยทำให้เจริญอาหาร เป็นยาช่วยลดไขมันลดความอ้วนหรือลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ถือเป็นส่วนผสมที่สำคัญของชามาลีเนื่องจากเป็นชาที่เน้นเรื่องของการลดน้ำหนัก 

4. พริกไทยดำ จัดเป็นทั้งเครื่องเทศและสมุนไพร มีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยรักษาป้องกันการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุ ช่วยป้องกันต่อต้านสารก่อมะเร็ง กระตุ้นประสาท แก้ลมชัก นอกจากนี้ยังช่วยเร่งระบบการทำงานของตับเพื่อให้ทำลายสารพิษได้ดีมากขึ้น

5. หญ้าหวาน หญ้าหวานสามารถใช้ทดแทนความหวานจากน้ำตาลได้ มีสรรพคุณช่วยในการรักษาโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ช่วยลดไขมันในเลือดสูง ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจ และโรคอ้วน

6. พุทธาจีน จัดเป็นสมุนไพรอายุวัฒนะของชาวจีน ผลของพุทราจีนช่วยเพิ่มพลังงานและให้ความรู้สึกสดชื่น ช่วยบำรุงสายตาและบำรุงผิวพรรณ 

7. ส้มแขก ส้มแขกนิยมนำมาปรุงอาหารแทนการใช้มะขามเปียกเนื่องจากมีรสเปรี้ยว และมีสรรพคุณทางยา เช่น ช่วยบรรเทาอาการไอช่วยขับเสมหะ ช่วยฟอกโลหิต และสรรพคุณที่สำคัญเป็นตัวช่วยลดความอยากอาหารความรู้สึกหิวอาหารซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคุณสมบัติชามาลี

8. ดอกคำฝอย มีสรรพคุณช่วยลดไขมันในเส้นเลือด ป้องกันไขมันอุดตัน บำรุงประสาทช่วยสร้างความผ่อนคลายให้กับสมอง แก้หวัดน้ำมูกไหล และช่วยลดระดับน้ำตาลใน 

9. มะตูม นิยมนำมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มได้หลายชนิด เนื่องจากเป็นสมุนไพรที่มีสรรพคุณแก้ร้อนในและช่วยแก้กระหายเพิ่มความสดชื่นแก่ร่างกาย ช่วยแก้โรคบิดและช่วยฆ่าเชื้อโรคในลำไส้เป็นยาระบายอ่อน ๆ

10. กระเจี๊ยบ สมุนไพรสารพัดประโยชน์ จุดเด่นคือช่วยดับความกระหายทำให้ร่างกายสดชื่น ป้องกันการเกิดภาวะขาดน้ำในร่างกายได้เป็นอย่างดี 

ชามาลี เครื่องดื่มสมุนไพรลดน้ำหนักชั้นดี ดื่มง่ายชงไม่ยาก

ใครที่ต้องการควบคุมน้ำหนักแต่ไม่อยากเสี่ยงกับการกินยาลดความอ้วน ชามาลีเป็นเครื่องดื่มสมุนไพรที่เน้นเรื่องการควบคุมน้ำหนักลดอาการหิว ถือเป็นตัวช่วยในการควบคุมอาหารและลดน้ำหนักได้เป็นอย่างดี เพราะไม่มีส่วนผสมที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ สำหรับการต้มชามีขั้นตอนง่าย ๆ ดังนี้

· ผลิตภัณฑ์ชา 1 กล่อง ประกอบไปด้วยสมุนไพร 10 ชนิดรวมกัน ปริมาณอยู่ที่ 150 กรัม ดังนั้นปริมาณน้ำที่ใช้ต้มจะอยู่ที่ประมาณ 3-4 ลิตร/ 1 กล่อง

· สมุนไพรที่อยู่ในกล่องจะถูกบรรจุอยู่ในถุงผ้าขาวสะอาดเพื่อใช้ในการต้ม ฉะนั้นก่อนต้มควรมัดปากถุงให้แน่นเพื่อป้องกันสมุนไพรลอยออกมาจากถุง

· นำถุงสมุนไพรวางถุงไปในหม้อขนาดกลาง แล้วเทน้ำเปล่า 3-4 ลิตรลงไปในหม้อ ระดับไฟที่ใช้ในการต้มอยู่ในระดับกลาง ส่วนระยะเวลาที่ต้นอยู่ที่ประมาณ 30 นาที

· เมื่อต้มเสร็จเรียบร้อยแล้วพักไว้ให้เย็น จากนั้นบรรจุใส่ขวดเพื่อน้ำไปแช่ในตู้เย็น โดยสามารถแช่ไว้ดื่มได้หลายวัน ซึ่งชามาลีดื่มได้ทั้งแบบเย็นและแบบอุ่น ๆ 

สำหรับใครที่กำลังมองตัวช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนักที่อุดมไปด้วยคุณค่าทางสมุนไพร ชามาลีเป็นผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบรนด์ดังที่กำลังมาแรง ช่วยดีท็อกซ์ลำไส้ขับของเสียและช่วยควบคุมเรื่องน้ำหนักได้เป็นอย่างดี ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกเพื่อสุขภาพ

ชามาลี

Categories
Health Care

วิตามินซี

ทำไมทาน วิตามินซี แล้วไม่เห็นผลสักที? เช็กให้ชัด! คุณกำลังทานวิตามินซีแบบผิด ๆ อยู่หรือเปล่า?

วิตามินซี  Vitamin C เป็นอาหารเสริมใกล้ตัวที่หลายคนรู้จักกันเป็นอย่างดี เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายตามร้านขาย ร้านสะดวกซื้อ ห้างสรรพสินค้า และเว็บชอปปิ้งออนไลน์ หาซื้อได้ง่าย ทำให้หลายคนนิยมซื้อมาทานเพื่อสุขภาพและความงามกัน แต่ทราบหรือไม่ว่าการทานวิตามิน C ที่ถูกต้องนั้นควรทำอย่างไร ปริมาณเท่าไหร่ และควรทานตอนไหนดี? สำหรับใครที่กำลังทานอยู่แต่ไม่มั่นใจว่าทานถูกวิธีหรือไม่ เราลองไปเช็กให้ชัวร์กันเลย

ประเภทของวิตามินซี 

· แบบผง เป็นวิตามินซีแบบผงชงดื่มที่เหมาะสำหรับคนทานยายาก หรือไม่ชอบทานยาแบบเม็ด มีกลิ่นหอม ละลายน้ำง่าย ดื่มง่าย ชงดื่มกับน้ำเปล่าหรือน้ำผลไม้ก็ได้ แต่สำหรับใครที่เลือกวิตามินประเภทนี้ควรเลือกชนิดที่ปราศจากน้ำตาล โดยเฉพาะผู้ป่วยในโรคเบาหวาน

· แบบเม็ด บรรจุมาเป็นเม็ดคล้ายกับตัวยาทั่วไป แต่ลักษณะเม็ดจะมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ ทำให้กลืนยาก ไม่เหมาะกับผู้ที่ทานยาเม็ดยาก

· แบบแคปซูล บรรจุมาเป็นแคปซูลเพื่อให้ทานได้ง่ายขึ้น กลืนง่าย มีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ แตกตัวง่าย แต่จะมีราคาที่ค่อนข้างสูง

· แบบเคี้ยว เป็นชนิดที่ออกแบบมาสำหรับเด็กหรือคนที่ทานยายาก มีกลิ่นหอม รสชาติอร่อย เคี้ยวทานง่าย มีลักษณะคล้ายกับเจลลี 

การทานวิตามินซีอย่างถูกวิธี ทานอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพและไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย?

· ทานปริมาณที่เพียงพอต่อร่างกาย การทานวิตามินซีประกอบไปด้วย 3 ประโยชน์หลัก ๆ ได้แก่ การทานเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกาย ควรทานปริมาณ 500 – 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน, ทานเพื่อบำรุงผิวพรรณ ควรทานปริมาณ 1,000 – 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน, และการทานเพื่อบรรเทาอาการหวัด ควรทานปริมาณ 2,000 – 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน 

· ไม่ทานเกินขนาดที่กำหนด สำหรับเด็กที่มีอายุ 6 ปีขึ้นไป ร่างกายจะต้องการปริมาณ 60 มิลลิกรัมต่อวัน ส่วนผู้ใหญ่จะต้องการปริมาณ 100 มิลลิกรัม โดยเฉลี่ยแล้วในผู้ใหญ่จะต้องทานวิตามิน C ปริมาณไม่เกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อวัน หากทานเกิน 3,000 มิลลิกรัมต่อวันจะเป็นการทานยาเกินขนาด ทำให้เกิดการตกค้างในร่างกาย ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กมากเกินไป ส่งผลเสียต่อร่างกายหลายอย่าง อาทิ คลื่นไส้ อาเจียน และหากทานต่อเนื่องในระยะเวลาที่นานเกินไปจะทำให้สิ่งตกค้างเกิดเป็นตะกอนสะสมและทำให้เกิดเป็นนิ่วในไตได้

· ควรแบ่งทานเป็น 2 มื้ออาหาร โดยปกติแล้ววิตามิน C จะใช้เวลาการดูดซึมและอยู่ในร่างกายได้ประมาณ 2 – 3 ชั่วโมง การแบ่งทานเป็น 2 มื้ออาหารจึงช่วยให้ดูดซึมได้ดีกว่าและช่วยการตกค้างในร่างได้ด้วย เช่น ต้องทานปริมาณ 1,000 มิลลิกรัมต่อวัน ก็แบ่งเป็นทาน 2 มื้ออาหารด้วยการเลือกทานขนาด 500 มิลลิกรัม วันละ 2 ครั้งหลังมื้ออาหาร ก็จะช่วยให้ได้รับในปริมาณที่เพียงพอต่อวัน

· ไม่ควรทานตอนท้องว่าง วิตามิน C ที่เราทานกันนั้นแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ Natural Vitamin C จากธรรมชาติที่ได้จากผักและผลไม้ และ Synthetic Vitamin C เป็นวิตามินสังเคราะห์ที่วางจำหน่ายตามท้องตลาดทั่วไป หรืออาหารเสริมที่เราทานกันนั่นเอง เป็นวิตามินที่มาจากกระบวนการทางเคมีในรูปแบบของ Ascorbic acid ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อทดแทน Natural Vitamin C ที่ได้จากธรรมชาติ มีฤทธิ์เป็นกรด จึงทำให้เกิดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้หากทานตอนที่ท้องว่าง จึงควรรับประทานพร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหาร หรือหากใครที่มีอาการแผลในกระเพาะอาหารควรเลือกชนิดที่ระบุว่า Buffered เพราะจะช่วยลดการระคายเคืองในกระเพาะอาหารได้ดีกว่า

· ทานวิตามิน C ที่มีคุณภาพและได้มาตรฐาน ควรเลือกชนิดที่ได้มาตรฐานและมีการขึ้นทะเบียนยาอย่างถูกต้อง เพราะหากมีขนาดเกิน 60 มิลลิกรัมจะถูกบรรจุเป็นยา ควรเลือกชนิดที่มีแหล่งที่มาชัดเจน สถานที่ผลิต ปริมาณยา ขนาดที่บรรจุ วันผลิตและวันหมดอายุ รวมถึงบรรจุภัณฑ์ที่ได้ป้องกันแสงแดด 100% หรือเป็นบรรจุภัณฑ์ทึบแสงที่ใช้ในการบรรจุยาหรือเวชภัณฑ์ เพราะหากบรรจุในภัณฑ์ที่ไม่ทึบแสงจะทำให้เกิดความร้อนและส่งผลให้เกิดความชื้น ทำให้วิตามินเสื่อมสภาพลงจนเหลือแต่แป้ง และมีประสิทธิภาพที่ลดลง นอกจากนี้ยังควรเลือกชนิดที่มีสาร Bioflavonoids ที่มีคุณสมบัติช่วยในการดูดซึมของร่างกายด้วย

การเลือกวิตามินซีสำคัญกว่าที่คิด ใช่ว่าจะเลือกแบบไหนก็ได้ หรือทานแบบไหนก็ได้ แต่ควรเลือกให้เหมาะกับการใช้งานของตัวเองเพื่อสุขภาพที่ดี

วิตามินซี vitamin C

Categories
Uncategorized

เครื่องวัดความดัน

เครื่องวัดความดัน อุปกรณ์จำเป็นในยุคนี้ที่ควรมีประจำบ้าน

ไม่น่าเชื่อเลยว่าอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่าง เครื่องวัดความดัน จะกลายมาเป็นอุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นต้องมีประจำบ้านในแต่ละบ้านไปแล้วในยุคนี้ อาจจะมีบางความเห็นมองต่างออกไปอาจคิดว่าอุปกรณ์ชิ้นนี้ไม่จำเป็น แต่ในความเป็นจริงแล้วใครจะรู้บ้างว่า สำหรับประชากรไทยแล้วเรามีอัตราผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ปี และไม่เพียงแค่ในประเทศไทยเท่านั้น อัตราของผู้ป่วยเป็นโรคความดันสูงจากหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกก็เพิ่มสูงขึ้นในทุกปีด้วยเช่นกัน นั่นจึงสะท้อนว่าทุกบ้านทุกครอบครัวควรจะมีอุปกรณ์สำหรับช่วยตรวจสอบวัดค่าความดันโลหิตเอาไว้ประจำบ้านเพื่อเช็กสุขภาพของตนเองและคนในครอบครัว

ต้องรู้อะไรบ้างก่อนเลือกซื้อเครื่องวัดความดันมาใช้งาน

โดยปกติแล้วเมื่อเราอายุมากขึ้น โอกาสที่จะเกิดโรคความดันก็มีมากขึ้น โรคความดันโลหิตนั้นมีความเกี่ยวข้องกับอายุด้วย นั่นหมายความว่าถ้าบ้านไหนมีผู้สูงอายุอยู่ในบ้านด้วย ก็มีอุปกรณ์สำหรับตรวจวัดค่าความดันในร่างกายเอาไว้ เมื่อจะซื้อเครื่องวัดความดันมาใช้งาน หลายคนก็ไม่รู้ว่าควรจะเลือกซื้อแบบไหนดี จึงมีคำแนะนำเบื้องต้นในการเลือกซื้อดังนี้

· ใช้งานง่ายต้องใช้เป็นเครื่องวัดแบบดิจิทัล – อุปกรณ์วัดความดันโลหิตนั้นจะมีอยู่ 2 แบบ คือ แบบที่เป็นปรอทวัดความดัน และแบบที่เป็นดิจิทัล ถ้าผู้ใช้งานไม่ได้มีความรู้ความชำนาญในการใช้งานอุปกรณ์ทางการแพทย์ก็แนะนำให้ซื้อเป็นแบบดิจิทัลมาใช้งาน ราคาอาจจะสูงกว่าแบบปรอทเล็กน้อย แต่การใช้งานจะง่ายกว่า ไม่ต้องมีความชำนาญหรือทักษะใด ๆ ก็สามารถใช้งานได้

· ใช้งานไม่บ่อยให้เลือกเครื่องแบบใช้แบตเตอรี่ –  ถ้าไม่ได้ใช้งานวัดความดันบ่อยนัก ก็แนะนำให้เลือกซื้อเครื่องแบบที่ใช้แบตเตอรี่ ราคาก็จะย่อมเยาลงมากว่าแบบที่มี adaptor

· ต้องเป็นเครื่องวัดที่ได้มาตรฐาน – อุปกรณ์วัดความดันในปัจจุบันมีผลิตออกมาจำหน่ายมากมายหลายยี่ห้อ จนบางทีก็เลือกซื้อลำบาก แต่จะเป็นยี่ห้อไหนก็ตาม สิ่งสำคัญก็คือต้องได้มาตรฐาน โดยก่อนจะเลือกซื้อให้สังเกตเครื่อง CE หรือเครื่องหมาย UL เครื่องหมายทั้งสองนี้เป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่าอุปกรณ์นั้น ๆ ได้มาตรฐานทางการแพทย์

· การรับประกัน – อีกสิ่งที่สำคัญแนะนำนำว่า ควรเลือกอุปกรณ์ที่มีการรับประกันประมาณ 2 ปีขึ้นไป

การอ่านค่าต่าง ๆ บนเครื่องวัดความดัน

หลังจากที่ซื้ออุปกรณ์ที่ช่วยตรวจสอบความดันมาแล้ว ทีนี้ก็ต้องมารู้วิธีการใช้งานและการอ่านค่าต่าง ๆ ปกติแล้วถ้าเป็นเครื่องแบบดิจิทัลก็จะใช้งานได้ไม่ยาก แค่สวมปลอกแขนเข้าไปที่แขนข้างที่จะทำการวัดความดัน กดปุ่มเปิดเครื่อง ระบบของเครื่องก็จะทำการปั๊มลมและทำการวัดค่าความดันให้แบบอัตโนมัติ และวิธีการอ่านค่าความดันบนหน้าปัดอุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรซับซ้อน

· ตัวเลขด้านบน – เป็นค่าตัวเลขความดันในช่วงที่หัวใจบีบตัว ถ้าตัวเลขอยู่ที่ต่ำกว่า 130 ก็ถือว่าความดันปกติ แต่ถ้าตัวเลขสูงกว่านั้นขึ้นไปถึง 140 – 159 ก็จัดว่าความดันสูง

· ตัวเลขด้านล่าง – เป็นค่าตัวเลขความดันในช่วงที่หัวใจคลายตัว ถ้าตัวเลขไม่เกิน 85 ก็ถือว่าความดันอยู่ในเกณฑ์ปกติ ส่วนถ้าตัวเลขขึ้นไปที่ 90 – 99 ก็จะถือว่าความดันสูง

การอ่านค่าตัวเลขความดันโลหิตบนหน้าปัดอุปกรณ์วัดความดัน เราจะดูค่าตัวเลขทั้งตัวบนตัวล่างประกอบกันถึงทั้ง 2 ตัว โดยปกติแล้วตัวเลขจะมีความสัมพันธ์กัน ถ้าความดันปกติตัวเลขทั้ง 2 ตัวก็จะอยู่ในเกณฑ์ปกติเหมือนกัน และถ้าความดันสูง ตัวเลขก็จะขึ้นไปสูงทั้ง 2 ค่าเช่นกัน อาจจะมีค่าตัวเลขที่ผกผันกันไปบ้างในบางครั้ง ก็ให้ทิ้งช่วงสักระยะแล้วกลับมาวัดค่าใหม่ก็จะได้ตัวเลขที่แน่ชัดมากขึ้น

โรคความดันโลหิตสูงนั้นถือว่าเป็นอีกโรคหนึ่งที่อันตรายและคร่าชีวิตผู้คนไปจำนวนไม่น้อยแล้ว พิษภัยจากโรคนี้อาจทำให้เส้นเลือกในสมองตีบหรือแตกได้ และที่สำคัญหากเป็นโรคความดันโลหิตสูงแล้ว มักจะทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้ง่าย ส่วนใหญ่แล้วโรคความดันโลหิตสูงกับโรคเบาหวานมักจะมาพร้อมกัน บางคนก็อาจเป็นโรคหัวใจร่วมด้วย จึงถือว่าเป็นภัยเงียบที่น่าเป็นห่วงไม่น้อย มีเครื่องวัดความดันไว้ประจำบ้านก็จะช่วยได้อีกทาง เพราะอย่างน้อย ๆ เราจะได้คอยตรวจสอบได้ว่าช่วงไหนที่เราหรือคนในครอบครัวของเรากำลังเผชิญกับอันตรายจากความดันสูง รู้ล่วงหน้าย่อมดีกว่าเสมอ

อุปกรณ์ทางการแพทย์ เครื่องวัดความดัน อุปกรณ์สำคัญที่จำเป็นต้องมีประจำบ้าน

Categories
Uncategorized

ผักอบกรอบ

ผักอบกรอบ กินดีมีประโยชน์หรือเป็นสิ่งที่ทำลายสุขภาพกันแน่

ในช่วงที่ผ่านมาเกิดกระแสความนิยมในอาหารประเภท ผักอบกรอบ ขึ้นมา ผู้คนต่างซื้อหาผักและผลไม้อบกรอบมารับประทานกันมากขึ้นเรื่อย ๆ ในลักษณะของว่างอาหารทานเล่น เพราะมีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ว่านอกจากรสชาติดีแล้วยังดีต่อสุขภาพ จึงทำให้คนต่างซื้อมารับประทาน ในอีกด้านหนึ่งก็มีคำเตือนออกมาและแชร์กันไปในโลกออนไลน์เป็นจำนวนมากกว่าผักและผลไม้อบกรอบแบบนี้ ทานแล้วจะทำให้อ้วนมากขึ้น แท้ที่จริงแล้วอาหารชนิดนี้มีประโยชน์หรือมีโทษกันแน่แล้ว ควรจะรับประทานอย่างไรถึงจะเหมาะสมมาหาคำตอบกัน

ผักอบกรอบดีหรือไม่ดีต่อร่างกาย ?

เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่าอาหารประเภทผักผลไม้นั้นเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ และเป็นสิ่งที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมายที่ร่างกายต้องการ จึงจัดว่าเป็นอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย แล้วถ้านำมาพัฒนาเป็นผักอบกรอบบ้าง คุณค่าทางโภชนาการจะเปลี่ยนไปบ้างหรือไม่ เชื่อว่าหลายคนคงสงสัยในเรื่องนี้ ตรงนี้ก็ต้องมาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ผักผลไม้นั้นแท้จริงแล้วมีสารอาหารหรือประกอบไปด้วยอะไรบ้าง

โดยกายภาพของอาหารประเภทผักผลไม้แล้ว องค์ประกอบและสารอาหารภายในก็จะประกอบไปด้วย คาร์โบไฮเดรต น้ำและน้ำตาล นั่นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เรารับประทานผักผลไม้เข้าไปแล้ว เรารู้สึกอิ่มและรู้สึกร่างกายสดชื่นขึ้น น้ำและน้ำตาลที่อยู่ในผักผลไม้นั้นก็จะมีแร่ธาตุและวิตามินร่วมถึงกากใยอาหารอยู่ภายในด้วย ร่างกายจะดูดซึมสารอาหารเหล่านี้และนำไปใช้ประโยชน์ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอไป เมื่อจำแนกออกมาแบบนี้แล้วจะเห็นได้เลยว่าผักผลไม้ถึงจะมีประโยชน์แต่ในอีกด้านหนึ่งก็ทำให้เราอ้วนได้ง่ายเหมือนกัน เพราะมีทั้งส่วนที่เป็นแป้งและเป็นน้ำตาล

ปกติแล้วถ้าเรารับประทานผักผลไม้สด ๆ เราจะได้รับน้ำที่อยู่ในผักผลไม้เข้าไปด้วยนั่นจึงทำให้เรารู้สึกอิ่มเร็ว รับประทานได้ไม่มาก เป็นกลไกที่ช่วยหยุดยั้งการกินเกินปริมาณที่เหมาะสมของเรา แต่พอเป็นผักผลไม้ที่ผ่านการอบแห้งทำให้กรอบ ผักผลไม้เหล่านี้จะถูกดูดความชื้นออกไปทำให้เหลือแต่คาร์โบไฮเดรตและน้ำตาลเป็นหลัก บวกกับมีความกรอบเหมือนขนมจึงทำให้ทานง่าย ทานได้เรื่อย ๆ ไม่อิ่มง่ายเหมือนทานผักผลไม้สด นั่นจึงเท่ากับว่าเรามีโอกาสอ้วนขึ้นได้ถ้ารับประทานผักผลไม้อบกรอบมากจนเกินไป เพราะร่างกายมีการสะสมแป้งและน้ำตาลนั่นเอง ตรงนี้จึงอยากจะสรุปว่าผักผลไม้อบกรอบมีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อร่างกาย ขึ้นอยู่กับปริมาณที่รับประทานเข้าไปนั่นเอง 

จะรับประทานผักอบกรอบอย่างไรไม่ให้ส่งผลเสียต่อสุขภาพ

แม้ว่าเราจะทราบแล้วว่าผักผลไม้อบกรอบนั้นมีส่วนทำให้อ้วนขึ้นได้ แต่ถ้ามองในแง่ของคุณค่าทางโภชนาการอาหารแล้ว อาหารประเภทนี้ก็ยังคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ค่อนข้างมาก ทั้งเรื่องกากใยอาหารสูง วิตามินแร่ธาตุที่ยังคงอยู่ในผักผลไม้ ใครที่ปกติไม่ค่อยชอบทานผักผลไม้สด ๆ อาหารแบบนี้ก็เป็นทางเลือกที่ดีที่จะทำให้ร่างกายได้สารอาหารที่ขาดไป จึงถือว่าเป็นทางเลือกอาหารที่จำเป็นสำหรับคนที่ไม่ชอบทานผักหรือผลไม้ แต่การจะทานแล้วไม่ให้อ้วนหรือส่งผลเสียต่อสุขภาพก็มีแนวทางอยู่ ถ้าปฏิบัติตามนี้คุณก็จะสามารถรับประทานอาหารชนิดนี้ได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ แนวทางมีดังนี้

· เลือกผักผลไม้ที่ใช้การอบกรอบแบบ Freeze Drying หรือ ที่ใช้การทอดแบบสุญญากาศ อย่าเลือกแบบอบกรอบโดยการทอดที่ใช้น้ำมัน

· เลือกชนิดผักผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตต่ำ ให้พลังงานต่ำ อย่างเช่น บรอกโคลี กระเจี๊ยบเขียว ผักใบเขียวเป็นต้น

· รับประทานผักผลไม้อบกรอบหลากหลายชนิด สลับสับเปลี่ยนกันไป อย่างรับประทานซ้ำ ๆ 

· รับประทานให้เป็นของว่างระหว่างวัน อย่ารับประทานเป็นอาหารหลักประจำมื้อ

· พยายามจำกัดปริมาณในการรับประทาน คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญคือ ให้รับประทานเพียง 30 ชิ้น ต่อวัน 

หากรับประทานตามนี้ผักผลไม้อบกรอบก็จะส่งผลดีมากกว่าผลเสียต่อสุขภาพ อย่าลืมว่าทุกสิ่งล้วนมี 2 ด้านเสมอ อะไรที่มีประโยชน์หากมากหรือน้อยก็เกินก็สามารถส่งผลให้เกิดโทษได้เช่นกัน โดยภาพรวมแล้วผักอบกรอบนั้นมีข้อดีกับร่างกายมากกว่าโทษแต่การบริโภคก็ต้องอยู่ในเกณฑ์ที่พอดี หากรับประทานมากเกินกว่าที่ร่างกายต้องการก็จะทำให้อ้วนและเสียสุขภาพได้ ดังนั้นรับประทานกันอย่างมีสติ อยู่ในความพอดีเท่านี้คุณก็จะมีความสุขกับอาหารในทุก ๆ มื้อแบบไม่ต้องกังวลแล้ว

ผักอบกรอบ อาหารว่าง ของกินเล่น