Categories
Health Care

Kamillosan M

เจาะลึก Kamillosan M แก้อาการอักเสบในช่องปากและป้องกันโควิดได้จริงหรือ 

Kamillosan M คือสเปรย์สำหรับฉีดพ่นเพื่อบรรเทาอาการอักเสบที่เกิดในช่องปากและลำคอ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ติดอันดับ 1 ใน 10 ของสเปรย์บรรเทาอาการอักเสบที่ดีที่สุด โดยการรีวิวจากผู้ใช้จริง และเมื่อเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในปี 2562 มีประชาชนจำนวนมากพยายามหาวิธีเพื่อรักษาตัวเองจากอาการเจ็บป่วย คามิลโลซาน เอ็ม จึงกลายเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่หลายคนเข้าใจว่าสามารถช่วยฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ จนกลายเป็นข้อสงสัยและเป็นประเด็นพูดคุยในเว็บบอร์ดสาธารณะ

จนกระทั่งได้มีการออกมายืนยันจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ว่าไม่มีผลิตภัณฑ์สเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากชนิดใดที่สามารถ “ฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19” ได้ จึงเป็นข้อยุติที่ตอบคำถามในประเด็นที่ประชาชนสงสัย และประเด็นต่อมาที่เราจะมาเจาะลึกกันในบทความนี้คือ ถึงแม้ว่าสเปรย์ฉีดพ่นในช่องปากชนิดนี้จะไม่สามารถฆ่าเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้ แต่สามารถบรรเทาอาการอันเกิดจากไวรัสโควิดได้หรือไม่ และอาการอักเสบระดับใดที่เราสามารถใช้สเปรย์ฉีดพ่นนี้ได้อย่างปลอดภัย เรามีคำตอบมาฝากดังนี้

ทำความเข้าใจระดับความอักเสบในช่องปากและลำคอก่อนใช้ Kamillosan M

เป็นเรื่องปกติที่เมื่อเราจะใช้ยาชนิดใดเราจะต้องทราบถึงสรรพคุณของยาชนิดนั้นก่อนKamillosan Mก็เช่นเดียวกัน ก่อนที่เราจะนำมาใช้เพื่อแก้อาการอักเสบไม่ว่าจะเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส เราควรจะทราบก่อนว่า อาการอักเสบที่ผลิตภัณฑ์ชนิดนี้รักษาได้หายขาด มีลักษณะอาการอย่างไร เกิดขึ้นจากสาเหตุไหน และความรุนแรงระดับใดที่ต้องพบแพทย์เท่านั้น 

1. อาการอักเสบในช่องปาก

การอักเสบในช่องปากที่ทางการแพทย์ได้แบ่งประเภทไว้มีอยู่ 3 ประเภทหลัก นั่นคือโรคเหงือกอักเสบ โรคเยื่อบุในช่องปากอักเสบ และโรคแผลในปาก ซึ่งโรคทั้งหมดนี้เมื่อเริ่มมีอาการสามารถใช้ คามิลโลซาน เอ็ม เพื่อบรรเทาอาการอักเสบได้ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่อาการอักเสบนั้นมีลักษณะบวมแดงมากขึ้นกว่าเดิม และมีอาการไข้ร่วมด้วย จะต้องรีบไปพบแพทย์และนำยาที่ใช้ไปด้วยทันที 

สาเหตุของการเกิดโรคในช่องปากจนกลายเป็นการอักเสบ มีองค์ประกอบหลายอย่างด้วยกัน ทั้งการขาดวิตามินซีจนเกิดเป็นโรคเหงือกอักเสบ, ขาดวิตามินบี 1 จนเกิดเป็นโรคเยื่อบุในช่องปากอักเสบ, พฤติกรรมการขบเคี้ยวอาหารที่มีความแข็งเป็นประจำ, แพ้ยาบางชนิด และภูมิคุ้มกันร่างกายเปลี่ยนแปลง

โดยการอักเสบที่บ่งบอกว่าอยู่ในระดับที่สามารถใช้สเปรย์ฉีดพ่นเพื่อบรรเทาอาการได้คือ เมื่อฉีดพ่นน้ำยาไปแล้วการอักเสบมีอาการทุเลาขึ้น ระยะห่างของความเจ็บปวดทิ้งช่วงห่างมากขึ้น และอาการบวมแดงเริ่มลดขนาดลง แต่ถ้าไม่เป็นดังที่กล่าวมานี้ อีกทั้งยังมีการลุกลามมากกว่าเดิมพร้อมมีไข้ ต้องรีบพบแพทย์ทันที

2. อาการคออักเสบจากเชื้อแบคทีเรียและไวรัส

การอักเสบภายในลำคอสามารถเกิดได้จากเชื้อแบคทีเรียในอากาศ และจากเชื้อไวรัสทั้งกลุ่มของโรคไข้หวัด โรคคอตีบ โรคอีสุกอีใส และโรคโควิด-19 โดยสาเหตุของการเกิดโรคคือสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือได้รับเชื้อผ่านทางอากาศเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจ จนเกิดเป็นอาการระคายคอ, เสียงแหบ, มีไข้, มีน้ำมูก, เบื่ออาหาร และบางรายมีผื่นขึ้นตามลำตัว

การดูแลรักษาอาการเบื้องต้น ผู้ป่วยสามารถใช้Kamillosan Mเพื่อบรรเทาอาการอักเสบได้ แต่ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เชื้อไวรัสนั้นยังไม่มียาชนิดใดรักษาหาย ดังนั้นการใช้สเปรย์ฉีดพ่นในลำคอ เป็นการเยียวยาตามอาการและช่วยลดอาการอักเสบเท่านั้น หากมีอาการหอบเหนื่อย หายใจติดขัด และมีไข้สูงต่อเนื่องต้องรีบพบแพทย์โดยทันที

เหตุผลควรทราบที่Kamillosan Mสามารถช่วยแก้การอักเสบได้เพราะอะไร

เหตุผลที่Kamillosan Mสามารถเยียวยาและรักษาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอได้ เป็นเพราะน้ำยาที่มีองค์ประกอบของดอกคาโมไมล์, น้ำมันเซจ, เพเพอร์มินต์, น้ำมันไพน์ นิดเดิล, น้ำมันมะกอก, เพทิลซาลิไซเลต และยูคาลิปทอล ซึ่งทั้งหมดนี้มีคุณสมบัติช่วยต่อต้านอาการอักเสบ อันเกิดจากเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส ผู้ที่ป่วยด้วยโรคไซนัส โรคภูมิแพ้ และการอักเสบเนื่องจากกรดไหลย้อน จึงสามารถใช้ยาชนิดนี้ร่วมด้วยได้ อีกทั้งน้ำมันหอมที่สกัดจากพืชพรรณธรรมชาติ ยังช่วยให้ผู้ป่วยมีลมหายใจสดชื่น สามารถใช้สูดดมเพื่อบรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะได้ด้วย

จะเห็นได้ว่าการใช้ยาKamillosan Mด้วยความเข้าใจในการอุบัติของโรค และอาการที่เป็นจะช่วยให้การเยียวยารักษาถูกต้องและเกิดผลที่ดีตามมาได้ และสำหรับผู้ป่วยโควิด-19 สามารถใช้สเปรย์ฉีดพ่นชนิดนี้เพื่อบรรเทาอาการกันเกิดจากเชื้อไวรัสที่ส่งผลกระทบต่อช่องปากและลำคอให้ทุเลาอาการอักเสบได้ แต่ไม่สามารถใช้เป็นยาฆ่าเชื้อที่จะทำให้หายจากโรคโควิด ร่วมไปถึงโรคอันเกิดเชื้อไวรัสอื่น ๆ ได้ เมื่อรู้เท่าทันยาและโรค เราก็สามารถอยู่ร่วมกับอาการต่าง ๆ ได้โดยที่ไม่ก่อให้เกิดความตระหนก

Kamillosan M สเปรย์สำหรับฉีดพ่นเพื่อบรรเทาอาการอักเสบในช่องปากและลำคอ เจาะลึกคามิลโลซาน เอ็มแก้อาการอักเสบในช่องปากและป้องกันโควิดได้จริงหรือ 

Categories
Health Care

Nasaleze Travel

พก Nasaleze Travel ไปทุกที่ไม่มีไวรัสตัวไหนกล้าเข้าใกล้คุณแน่

เมื่อโควิด – 19 ระบาดจนถึงเวลานี้คงไม่มีอะไรจะช่วยคุณได้ดีไปกว่า nasaleze Travel ด้วยสรรพคุณที่ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมทั้งดักจับไวรัสไม่ให้เข้าไปแพร่กระจายในโพรงจมูก ซึ่งการใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ตามควรรู้ที่มาที่ไป ดังนั้น เพื่อให้ผู้ที่สนใจรู้จักมากขึ้นไปอีกและจะได้รับประโยชน์และความปลอดภัยเมื่อต้องใช้งาน ที่สำคัญ คือ สุขภาพที่ได้รับการรักษาดูแลจากสิ่งที่ดีและปลอดภัยก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไปว่าเมื่อต้องเผชิญกับโรคต่าง ๆ แล้วจะต่อสู้ไม่ไหว เพราะมีตัวช่วยที่ดีจากผลิตภัณฑ์คุณภาพนั่นเอง

ตัวช่วยป้องกันไวรัสสุดแกร่งอย่าง nasaleze Travel 

– ผลิตภัณฑ์ที่ได้รับความไว้วางใจเพื่อดักจับและป้องกันไวรัสอย่าง นาซัลลีซทราเวล นี้ผลิตจากสารสกัดธรรมชาติ ฉะนั้น ใช้แล้วก็จะไม่มีอันตรายจากสารเคมีที่อาจมีผลต่อร่างกายในระยะยาวได้ หรือผู้ที่กังวลว่าจะทำให้ง่วงนอนระหว่างที่ใช้ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะสเปรย์พ่นจมูกชนิดนี้ไม่ใช่ยาจึงไม่มีฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการง่วงซึม

– แม้ นาซัลลีซ ทราเวล จะไม่ใช่ยาแต่กลับมีฤทธิ์ที่ช่วยให้ไวรัสมีฤทธิ์อ่อนลง เมื่อไวรัสมีฤทธิ์ลดลงก็จะทำให้เชื้อโรคที่กำลังจะแพร่กระจายไม่เข้าไปในโพรงจมูก ซึ่งถือเป็นนวัตกรรมที่จะมาช่วยให้ยุคโควิด – 19 อยู่ไม่ยากจนเกินไปนัก เพราะไม่ว่าจะออกไปทำกิจกรรมภายนอกมากมายเท่าไร แต่ถ้ามีผลิตภัณฑ์ที่พกติดตัวไปได้ ก็จะทำให้ลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อไวรัสได้มาก

– ถึงจะเอาไว้พ่นจมูกแต่อย่าเพิ่งคิดว่าจะใช้ยาก เพราะเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป คุณแม่ที่อยู่ระหว่างการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร รวมถึงผู้สูงอายุก็สามารถใช้นาซัลลีซ ทราเวลได้โดยไม่มีผลข้างเคียง เพราะสารสกัดจากธรรมชาติที่กล่าวถึงนี้ทั้งเปเปอร์มิ้นต์และกระเทียม ซึ่งได้มีการทำให้กลิ่นน่าใช้และสบายจมูกกว่าที่คิดไว้มาก

– นาซัลลีซ ทราเวลมีถึง 5 สูตรด้วยกัน

1. สูตร Travel ที่สามารถใช้เมื่อต้องเดินทางหรือออกไปข้างนอก โดยเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไปสามารถใช้ได้

2. สูตร PM SHIELD ที่ป้องกันฝุ่น PM 2.5 และมลพิษต่าง ๆ ได้ 

3. สูตร Allegy Blogger ที่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้อากาศ ซึ่งเด็กเล็กอายุ 18 เดือนขึ้นไปสามารถใช้ได้

4. สูตร Children’s Allergy Blogger เป็นสูตรที่ใช้กับเด็กอายุ 18 เดือนขึ้นไป มีกลิ่นสตรอว์เบอร์รีสบายจมูก เด็กคนไหนเป็นภูมิแพ้จะเหมาะกับสูตรนี้มาก

5. สูตร Cold&Flu Blocker เป็นสูตรที่ป้องกันเชื้อโรคในอากาศ แถมยังป้องกันไข้หวัดได้อีกด้วย เด็กอายุ 3 ปี ขึ้นไปสามารถใช้ได้แบบไม่ต้องกังวล

มีแต่คุณสมบัติดี ๆ ขนาดนี้ ต่อไปก็ต้องหาข้อมูลกันว่าสเปรย์พ่นจมูกนี้มีวิธีใช้อย่างไร และเมื่อใช้แล้วควรใช้อย่างไรจึงจะเกิดผลดีที่สุด เพราะไม่ว่าจะเป็นของที่ใช้เพื่อสุขภาพประเภทใดก็ควรศึกษาวิธีใช้ก่อนอยู่เสมอ

ใช้ได้ ใช้ดีnasaleze Travelต้องใช้ให้ถูกต้อง

วิธีใช้ที่ให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด คือ เปิดฝา เขย่าขวด แล้วทดลองพ่น หากผงในขวดกระจาย 10 – 15 ซม. เมื่อฉีดก็ถือว่าใช้ได้ จากนั้นจึงนำมาฉีดเข้ารูจมูกจริงข้างละ 1 – 2 ครั้ง โดยสูดลมหายใจเข้าปกติไม่ต้องใช้แรงสูดมากจนเกินไป โดยจะพ่นวันละ 2 – 3 ครั้ง หรือทุก 6 – 8 ชั่วโมง หรือหากมีการสั่งน้ำมูกให้พ่นซ้ำ

หลังจากฉีดอย่างถูกวิธีตามที่ได้อธิบายไปแล้วนั้น ละอองฝอยจะเปลี่ยนเป็นเจลในจมูกเพื่อป้องกันและดักจับไวรัสไม่ให้เข้าร่างกาย และเมื่อสเปรย์เข้าไปในโพรงจมูกแล้วจะออกฤทธิ์เร็วภายใน 2 นาที ถือว่าทำหน้าที่ในการป้องกันไวรัสได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

เมื่อใช้เสร็จแล้วควรปิดฝาแล้วเก็บในอุณหภูมิห้องหรืออุณหภูมิ 5 – 30 องศา และเมื่อเปิดใช้แล้วจะสามารถนำมาใช้ซ้ำได้ภายใน 6 เดือน ส่วนใครที่คิดจะเอาไปแช่เย็นเพื่อยืดอายุการใช้งานก็ไม่ควรทำเพราะผลิตภัณฑ์นี้ห้ามแช่เย็นหรือแช่แข็ง

หลายคนคงอยากใช้nasaleze Travelเพราะนำเข้าจากประเทศอังกฤษและน่าเชื่อถือเป็นอย่างมาก แต่ถ้าจะให้ดีควรพิจารณาจากสรรพคุณและความปลอดภัยให้รอบด้านก่อนจะนำมาใช้ให้เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด เพราะเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ต้องระมัดระวังในเรื่องข้อมูลให้มาก

Nasaleze Travel ป้องกันการติดเชื้อทางเดินหายใจ รวมทั้งดักจับไวรัสแพร่กระจายในโพรงจมูก พกยาตัวนี้ไปทุกที่ไม่มีไวรัสตัวไหนกล้าเข้าใกล้คุณแน่

Categories
Health Care

ชุด PPE 3M

รู้จักให้เข้าใจ ชุด PPE 3m คืออะไรกันแน่ 

เมื่อพูดถึง ชุด PPE 3m ภาพที่ขึ้นมาในใจของหลายคนจะต้องเป็นชุดหมีสีขาวที่สวมใส่เพื่อป้องกันการสัมผัสผู้ป่วยติดเชื้อ หรือสวมใส่เพื่อวงการแพทย์ ซึ่งภาพที่คิดนี้ไม่ผิดแต่ยังไม่ครบถ้วนทั้งหมด บทความนี้จึงขอนำเสนอชุด PPE เพื่อเป็นความรู้ให้แก่ทุกคน เพราะเราอยู่ในยุคที่อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ คาดการณ์ไม่ได้ จึงมีความเป็นไปได้ว่าคุณอาจมีประสบการณ์ที่ต้องเข้าไปใช้งานชุด PPE ในอนาคต ดังนั้นรู้ไว้ใช่ว่า เรามาทำความรู้จักชุดPPE พร้อมความหมายและลักษณะการใช้งานที่ถูกต้องไปพร้อมกันในบทความนี้

รู้ไว้ใช่ว่า ชุดPPE 3Mมีกี่ประเภท ใช้งานอย่างไร

ชุด PPE 3mมาจากคำว่า Personal Protective Equipment ส่วน 3M มาจากแบรนด์ผู้ผลิต ชุด PPE ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์ป้องกันไม่ให้ผู้สวมใส่สัมผัสกับ เชื้อโรค, สารเคมี, เชื้อไวรัส, การกระเด็นของโลหะและของมีคม, กระแสไฟฟ้า และเครื่องจักร ซึ่งนอกจากชุดที่สวมใส่แล้วยังมีอุปกรณ์ PPE อื่น ๆ ที่นำมาใช้ร่วมกับชุดด้วย เช่น แว่นตา, รองเท้า, ถุงมือ, หมวกนิรภัย, อุปกรณ์ป้องกันหู และเครื่องช่วยหายใจ เป็นต้น จึงพอจะกล่าวโดยรวมได้ว่า ชุด PPE ที่แท้จริงนั้นมีหน้าที่ป้องกันอันตรายและอุบัติเหตุอันมีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้สวมใส่ที่ต้องทำงานอยู่กับหน้างานที่มีความเสี่ยง ไม่เฉพาะใช้ทางการแพทย์เท่านั้น โดยสามารถแบ่งประเภทของชุด PPE ออกเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ ได้ดังนี้

1. ชุดสำหรับช่าง

ชุดสำหรับช่าง หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ “ชุดหมี” ที่สวมใส่ทั้งตัวมีสีโทนเข้มเป็นหลัก ใช้สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับงานช่างทั้งหมด บางองค์กรใช้ชุดนี้เป็นยูนิฟอร์มสำหรับช่าง เช่น ช่างไม้, ช่างไฟฟ้า, ช่างในงานก่อสร้าง, ช่างซ่อมรถ, ช่างในวงการอุตสาหกรรม และช่างเครื่องจักรกลต่าง ๆ เป็นต้น ชุด PPE ประเภทนี้จะผลิตจากผ้าที่มีความหนา ตัดเย็บต่อกันเป็นชุดเดียว ใช้การรูดซิปหรือติดกระดุมที่ด้านหน้า มีคุณสมบัติพิเศษในการทนต่อแรงดึง และการเสียดสี เนื้อผ้าสามารถระบายความร้อนได้ดี

2.  ชุดสำหรับงานสารเคมี

ใช้สำหรับป้องกันผู้สวมใส่ไม่ให้สัมผัสหรือสูดดมสารเคมี ส่วนใหญ่จะนิยมใช้ในวงการแพทย์, วงการอุตสาหกรรม, วงการยา และวงการอาหาร มีลักษณะเป็นชุดหมีโทนสีสว่าง ส่วนใหญ่จะเป็นสีขาว ปกคลุมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ชุด PPE ประเภทนี้ควรได้รับการทดสอบจนผ่านมาตรฐาน ISO และ European Standard (EN) ก่อนนำมาสวมใส่ อย่างชุด PPE 3mที่ได้ผ่านการรับรองและได้มาตรฐานทุกชุด เพราะมาตรฐานเหล่านี้จะเป็นตัวการันตีความปลอดภัยของผู้สวมใส่ได้ดีว่าจะปลอดภัยจากสารเคมี, น้ำ, ของเหลว และเชื้อโรคต่าง ๆ 

3. ชุดสำหรับงานป้องกันเชื้อโรค

เป็นชุดที่นิยมใช้ในวงการแพทย์มากที่สุด นิยมใส่ปฏิบัติการในห้องผ่าตัด และโรงพยาบาล โดยเฉพาะภายใต้สถานการณ์ โควิด-19 เราจะคุ้นเคยและเห็นชุดนี้บ่อยที่สุด โดยชุดประเภทนี้จะต้องผ่านการรับรองและได้มาตรฐาน EN 14126 เท่านั้น ซึ่งเป็นมาตรฐานที่รับรองว่าเนื้อผ้าที่ใช้นั้นสามารถป้องกันการกระเซ็นของสารคัดหลั่ง ของเหลว และเลือดของผู้ป่วยได้ดี ผู้สวมใส่มีความปลอดภัยจากความเสี่ยงที่ต้องสัมผัสกับการติดเชื้อ

4. ชุดสำหรับงานที่ต้องป้องกันความร้อน

ชุด PPE ที่ได้มาตรฐาน จะต้องมีความทนทานต่อความร้อนได้ถึง 2,000 องศาฟาเรนไฮต์ควรจะเป็นผ้าที่ทอมาจากเส้นใยที่มีความแข็ง และจะต้องเคลือบผิวด้วยอะลูมิเนียมที่มีคุณสมบัติสะท้อนความร้อน เพื่อให้ผู้สวมใส่ปลอดภัยจากสะเก็ดไฟ และความร้อนภายในพื้นที่ทำงาน

ควรเลือกซื้อชุดPPE 3mอย่างไรให้ใช้งานได้จริง

หลักในการเลือกซื้อชุด PPE 3mมีวิธีการเลือกซื้อไม่ยาก ขอเพียงคุณเข้าใจประเภทของชุด PPE ดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น คุณก็สามารถเลือกซื้อชุด PPE ด้วยตัวเองได้ โดยหลักการแรกคือจะต้องเลือกซื้อชุดให้เหมาะกับการใช้งาน ว่าต้องการนำไปใช้งานด้านใด หลักการต่อมาคือ ควรเลือกซื้อชุดที่รับกับสัดส่วนของตัวเอง ไม่หลวมและไม่รัดจนเกินไป เพราะชุด PPE คือชุดที่สวมใส่เพื่อความปลอดภัย ดังนั้นคุณจะต้องมีความสบายตัวเมื่อสวมใส่ และจะต้องสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องตัว ไม่เสียหลักเมื่อต้องก้าวเดิน หรือวิ่งเร็ว ๆ นอกจากนี้การเลือกซื้อชุดที่พอดีตัว จะช่วยให้ความร้อนภายในชุดสามารถระบายอากาศได้ดี

ชุดPPE 3mคือชุดที่ผ่านการทดสอบและได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งจาก ISO และ EN ผู้สวมใส่จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัยภายใต้ชุด PPE นี้ และอย่าลืมหัวใจหลักในการเลือกซื้อชุดคือ ซื้อได้ตรงกับประเภทที่ต้องการใช้งาน และจะต้องเลือกซื้อชุดที่มีความพอดีตัว ไม่รัดและไม่หลวมจนเกินไป เพื่อความปลอดภัยของตัวคุณเอง

รู้ไว้ใช่ว่า ชุด PPE 3M ได้รับการรับรองมาตรฐานทั้งจาก ISO และ EN ผู้สวมใส่จึงมั่นใจได้ว่าจะสามารถทำงานได้อย่างปลอดภัย มีกี่ประเภท ใช้งานอย่างไร

Categories
Health Care

Covid Rapid Test

Covid Rapid Test อุปกรณ์ติดบ้านที่ควรมีในยุคโควิด-19

Covid Rapid Test กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญประจำบ้าน เมื่อเราได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 3 ของการอยู่ร่วมกับไวรัสโควิด-19 ที่ถึงแม้ว่าในปัจจุบันโรคนี้จะไม่หายไปจากสังคมของเรา และอาจจะไม่หายไปอีกเลย แต่ทิศทางของโรคก็อยู่ในบริบทที่สามารถรับมือได้หากเข้าใจ และไม่ตื่นตระหนก การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในครั้งนี้ ได้เปลี่ยนวิถีชีวิตของทุกคนไปโดยสิ้นเชิง ซึ่งนอกจากการใช้ชีวิตแบบวิถีใหม่ หรือ New Normal สิ่งที่เพิ่มเข้ามาในชีวิตอย่างเป็นรูปธรรมนั่นคือ หน้ากากอนามัย, เจลล้างมือ, แอลกอฮอล์, สเปรย์สำหรับฉีดพ่นต่าง ๆ, น้ำยาฆ่าเชื้อ และยารักษาโรคอันเกิดจากไวรัสโควิด เหล่านี้กลายเป็นสิ่งที่เราต้องลงทุนเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพร่างกาย 

ซึ่งปีแล้วปีเล่าที่ผ่านไปเราพบว่าเรามีอุปกรณ์สำหรับการอยู่ร่วมกับโควิดเพิ่มขึ้นทีละนิด Rapid Test คือสิ่งใหม่ที่รัฐบาลอนุมัติให้ประชาชนสามารถซื้อมาติดบ้านเพื่อตรวจประเมินการติดเชื้อของตัวเองได้ที่บ้าน เราจึงควรทำความคุ้นเคยกับชุดตรวจนี้ เพื่อให้เราสามารถใช้งานได้อย่างไม่ผิดพลาด

เรื่องต้องรู้ ก่อนซื้อมาใช้Covid Rapid Testให้ผลแม่นยำหรือไม่

Covid Rapid Testมีชื่อที่เรียกติดปากกันมากมาย ทั้ง Rapid Antigen Test atk, Rapid Test, Antigen Test Kit ไปจนถึงที่แยงจมูก ซึ่งคำเรียกเหล่านี้มีความหมายเดียวกัน และหมายถึงสิ่งเดียวกันนั่นคือ “ชุดตรวจโควิด” ที่เราสามารถซื้อมาตรวจประเมินการติดเชื้อของตัวเองได้ที่บ้าน โดยชุดทดสอบแบบ Rapid Test นี้มีความรวดเร็วในการประเมินผลเพื่อตรวจหาเชื้อไวรัส และภูมิคุ้มกันโควิด-19 ซึ่งการทำงานทั้งหมดจะใช้เวลาประมาณ 15-30 นาที แน่นอนว่าต้องเร็วว่าการตรวจแบบ Real Time Polymerase Chain Reaction (RT-PCR) แต่ความแม่นยำของผลการประเมินนั้น RT-PCR ที่ตรวจจากโรงพยาบาลมีความแม่นยำกว่า

หากเป็นเช่นนี้แล้ว Rapid Test ใช้เพื่อประโยชน์อะไรกันแน่ ในเมื่อความแม่นยำน้อยกว่าการตรวจ RT-PCR ที่โรงพยาบาล การตรวจแบบ Rapid Test นั้น ให้ผลการประเมินที่แม่นยำพอสมควร แต่ประโยชน์ที่แท้จริงนั้น คือการใช้งานเพื่อการประเมินเบื้องต้น โดยที่ผู้มีความเสี่ยงไม่ต้องไปต่อแถว หรือเบียดกันตรวจที่โรงพยาบาล เป็นการลดความแออัด และไม่นำตัวเองไปสู่สถานที่เสี่ยง ซึ่งนับว่ามีประโยชน์มากทีเดียว 

และเมื่อไหร่ก็ตามที่ทราบผลแน่ชัดแล้วว่า น่าจะติดเชื้อโควิด-19 โดยการตรวจแบบ Rapid Test ให้นำชุดตรวจไปที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นการยืนยัน และเข้ารับการตรวจรักษาอีกที ซึ่งกระบวนการทั้งหมดนี้ทั้งรวดเร็ว ลดความเสี่ยง และปลอดภัย สำหรับการใช้งานCovid Rapid Testในปัจจุบันนี้ไม่ยากและไม่หวาดเสียวเหมือนก่อน เพราะเราสามารถเลือกได้ทั้งชุดตรวจแบบแยงจมูก แบบใช้น้ำลาย และแบบเจาะเลือด ซึ่งแบบแยงจมูกยังคงมีความแม่นยำมากที่สุด 

Covid Rapid Testแต่ละประเภทใช้งานอย่างไร

การใช้งานCovid Rapid Testแต่ละชนิดมีความแตกต่างกัน และจุดประสงค์ในการตรวจก็แตกต่างกัน ผู้ใช้ควรอ่านหรือปรึกษาแพทย์ให้เข้าใจก่อนเลือกซื้อมาใช้ โดยเราสามารถแบ่งการใช้งานออกเป็น 2 ประเภทดังต่อไปนี้

· Antigen Test คือการตรวจเพื่อประเมินการติดโควิด-19 ด้วยวิธีการ Swab เพื่อจุดประสงค์ในการเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่ง ที่อยู่บริเวณโพรงจมูกไปจนถึงภายในลำคอ ซึ่งชุดตรวจแต่ละยี่ห้อจะระบุวิธีเก็บสารคัดหลั่งที่แตกต่างกัน บางชนิดระบุว่าต้องใช้ไม้พันสำลีแยงจมูก และบางยี่ห้อระบุว่าสามารถเก็บสารคัดหลั่งจากน้ำลายได้ แต่ไม่ว่าวิธีการใด เพื่อผลการประเมินที่แม่นยำ ผู้ใช้ควรทราบว่าการตรวจโควิดประเภทนี้ ผู้ใช้งานควรจะต้องรับเชื้อมาแล้วประมาณ 5-14 วัน ผลการตรวจจะมีความแม่นยำมากที่สุด หากน้อยกว่านี้เชื้อไวรัสจะน้อยเกินไป ทำให้ผลการประเมินคลาดเคลื่อนได้

· Antibody Test คือการตรวจเพื่อประเมินการติดเชื้อผ่านวิธีการเจาะเลือด โดยจะเก็บเลือดที่บริเวณใต้ท้องแขนหรือปลายนิ้ว โดยผู้ใช้ควรจะได้รับเชื้อมาแล้วประมาณ 10 วันขึ้นไป จึงจะมีความแม่นยำ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการตรวจประเภทนี้ความคลาดเคลื่อนอาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากภูมิคุ้มกันโควิด-19 สามารถมาได้ทั้งจากการฉีดวัคซีนโควิด-19 และจากผู้ป่วยที่หายดีแล้ว ไม่ได้มีเฉพาะผู้ที่ติดเชื้อเท่านั้น วิธีการนี้จึงพบว่าเป็นการตรวจคัดกรองที่โรงพยาบาลมากกว่า

ชุดตรวจCovid Rapid Testในปัจจุบันสามารถหาซื้อได้ง่ายด้วยตัวเอง ทั้งการเลือกซื้อเอง หรือการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์ ผู้ใช้จึงควรศึกษาวิธีการใช้ รวมไปถึงรีวิวของแต่ละยี่ห้อว่ามีผลตอบรับเป็นอย่างไร และที่สำคัญควรเลือกร้านค้าหรือร้านขายยาที่ได้มาตรฐาน เพื่อป้องกันของปลอมและผลการตรวจที่คลาดเคลื่อน

Covid Rapid Test อุปกรณ์ที่ควรมีในยุคโควิด-19 ชุดตรวจโควิด แต่ละประเภทที่เราสามารถซื้อมาตรวจประเมินการติดเชื้อของตัวเองได้ที่บ้านใช้งานอย่างไร